จากความหวังสู่ความห่วง ทำไมแมนฯ ยูไนเต็ด ยังหาฟอร์มไม่เจอในฤดูกาลใหม่

แมนฯ ยูไนเต็ด ยังหาฟอร์มไม่เจอในฤดูกาลใหม่

สรุปแบบตรงไปตรงมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผ่านสามนัดแรกของฤดูกาล 2025/26 ด้วยผลการแข่งขันที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสโมสรใหญ่ แพ้ให้กับอาร์เซนอล 0-1 เสมอกับฟูแล่ม 1-1 และชนะเบิร์นลีย์ 3-2 ด้วยจุดโทษท้ายเกม ซึ่งถึงจะดูเหมือนเริ่มดีแต่ถอดชิ้นส่วนออกมาดูจริงๆ แล้วมีปัญหาเชิงระบบและเชิงจิตวิทยาที่ลึกกว่าตัวเลขผลการแข่งขันมาก

เปิดลีกการแข่งขัน

นัดที่ 1 แมนฯ ยูไนเต็ด 0–1 อาร์เซนอล

เกมเปิดสนามที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดจบด้วยความพ่ายแพ้จากลูกตั้งเตะ: ลูกโหม่งของ ริคคาร์โด้ คาλαฟิออรี่ หลังจากจังหวะเตะมุมที่ผู้รักษาประตูมีปัญหา (และผู้รักษาประตูของยูไนเต็ดถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีส่วนผิดพลาดในจังหวะนั้น) แม้ภาพรวมจะเห็นว่า แมนฯ ยูไนเต็ดมีจังหวะโจมตีและบางช่วงคุมเกมและมีโอกาส แต่ไม่เด็ดขาดพอจะแจ้งเกิดสกอร์พลิกผลเกมได้

นัดที่ 2 ฟูแล่ม 1–1 แมนฯ ยูไนเต็ด

ที่คราเวน คอทเทจ ยูไนเต็ดนำก่อนจากความผิดพลาดของแนวรับฝั่งเจ้าบ้าน (จังหวะที่แฮร์รี่ มาคไกวร์โหม่งใกล้ละลานตา) ก่อนที่ฟูแล่มจะมาตีเสมอจากตัวสำรองของพวกเขา บทเด่นของเกมนี้คือยูไนเต็ดสร้างโอกาสเยอะ มีจังหวะที่ได้จุดโทษแต่บรุนโน่ เฟอร์นันเดสยิงข้ามคาน และท้ายเกมก็แทบชนะได้แต่ไม่ได้ประตู เรียกว่า “ครึ่งก้าวขาด” ในการเปลี่ยนโอกาสเป็นสกอร์จริงๆ

นัดที่ 3 แมนฯ ยูไนเต็ด 3–2 เบิร์นลีย์

ผลที่ออกมาคือชัยชนะ แต่เป็นชัยชนะที่ “อึดอัด” และแทบจะไม่สะท้อนถึงปัญหาเชิงพื้นฐานของทีม: เกมมีการสลับนำ-ตาม มีความผิดพลาดของผู้รักษาประตู และต้องรอถึงนาทีที่ 97 จึงได้จุดโทษให้บรุนโน่สังหารจุดโทษผ่าน VAR เพื่อชนะนัดแรกของฤดูกาลชัยชนะที่ช่วยบรรเทาแรงกดดันเท่านั้น ไม่ได้แก้ปัญหาระยะยาว

ทำไมผลงานยังคงไม่ดี

ผมสรุปปัจจัยหลักออกเป็นหัวข้อสั้น ๆ พร้อมเหตุผลและหลักฐานจากแมตช์

ปัญหาการป้องกันจากรายละเอียด (set-pieces และการประสานงานในเขตโทษ)

ลูกพ่ายต่ออาร์เซนอลเกิดจากการจัดการลูกตั้งเตะที่หย่อน แสดงให้เห็นว่าการมาร์กหรือการสื่อสารระหว่างผู้เล่นรับส่งบอลยังไม่แน่นพอ ซึ่งเป็นความผิดพลาดเชิงพื้นฐานที่ทีมระดับนี้ไม่ควรเจอบ่อย

ความไม่ลงล็อกของแผงกลาง จังหวะเสียการครอบครองและช่องว่างทางเทคนิค

ในหลายจังหวะทีมยังโดน “แบบเฉพาะหน้า” เมื่อต้องเปลี่ยนจังหวะเกม โดยเฉพาะตอนที่คู่แข่งกดเกมตอบ โครงสร้างแดนกลางมีจังหวะที่หายไป ทำให้ถูกฉวยโอกาสได้ (และผลคือทีมโดนสวนกลับหรือเสียการตั้งเกม) ประเด็นนี้เห็นได้ชัดในเกมกับฟูแล่มและเบิร์นลีย์ที่ทีมสร้างโอกาสเยอะแต่ห้วนหรือถูกเจาะกลับได้ง่าย

ระบบแท็กติกที่ถูกวิจารณ์ว่ารัดตัวเกินไป (และยังไม่ลงตัว)

นักวิเคราะห์หลายรายวิจารณ์ว่าเทรนด์แท็กติกของกุนซือ (ซึ่งมีการใช้แผนและรูปแบบที่ค่อนข้างตายตัวบางจังหวะ) ทำให้ทีมโดนอ่านทางได้ง่าย ปีก/วิงแบ็กถูกใช้สูงเกินไปในบางเกมจนเกิดช่องว่างระหว่างกองกลางกับเซ็นเตอร์แบ็ก ฝ่ายตรงข้ามสามารถหาช่องเล่นกลางหลังได้บ่อยขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกในบทความวิเคราะห์แท็กติกหลายฉบับ

ปัญหา “มือสังหาร” ในจังหวะสำคัญ ยิงไม่คม และจุดโทษพลาด

ยูไนเต็ดสร้างโอกาส แต่พลาดการจบสกอร์สำคัญ (เช่นจุดโทษในเกมเยือน) และการยิงประตูจากพื้นที่อันตรายยังไม่เด็ดขาดพอซึ่งแปลว่าโอกาสที่สะสมกลับไม่แปรเป็นแต้มตามที่ควรจะเป็น

ปัญหาทางจิตวิทยาและแรงกดดันหลังความผิดหวังในถ้วย (Grimsby)

พ่ายแพ้ต่อทีมจากลีกล่างในบอลถ้วยสร้างแรงกระเพื่อมทางจิตใจอย่างรุนแรงให้สโมสรและแฟนบอลผลกระทบแบบนี้ทำให้ความมั่นใจและบรรยากาศในทีมสั่นคลอนได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ซึ่งสะท้อนออกมาในผลงานต่อเนื่อง

แมนฯ ยูไนเต็ดกำลังแก้ไขอย่างไร มาตรการที่เห็นได้ชัดและแนวทางที่ควรทำ

ทีมงานของยูไนเต็ดและโค้ช (Rúben Amorim) ทำ/หรือกำลังพิจารณาแนวทางแก้ไขหลายอย่าง ทั้งเชิงเทคนิค จิตวิทยา และตลาดนักเตะ ขอสรุปเป็นข้อๆ ดังนี้

ปรับแท็กติกแบบทันที ลดความตายตัว และจัดสมดุลแดนกลาง-แบ็กไลน์

มีเสียงเรียกร้องจากกูรูให้ปรับรูปแบบ (เช่นลดความสูงของวิงแบ็ก ปรับให้มีมิดฟิลด์คนที่ปิดช่องเพื่อป้องกันการถูกสวนเร็ว) หากทีมลดความเสี่ยงตรงนี้และจัดการช่องว่างระหว่างแผงเกมรับ-กลางได้ ผลในเชิงสถิติ (การเสียประตูจากการสวนกลับ/ลูกตั้งเตะ) จะบรรเทาลงได้ แหล่งวิเคราะห์แท็กติกต่าง ๆ ก็ชี้จุดนี้เป็นปัญหาหลัก

แก้ปัญหาผู้รักษาประตูและความแน่นอนบนเส้นประตู

ช่วงต้นฤดูกาลความผิดพลาดจากตำแหน่งผู้รักษาประตูถูกหยิบยกบ่อย (บางเกมมีความผิดพลาดที่เป็นจุดเปลี่ยน) มีรายงานข่าวว่าสโมสรกำลังมองหาทางเสริมผู้รักษาประตู (ข่าวเชิงการตลาด/การซื้อขายระบุชื่อเป้าหมายบางราย) เพื่อเพิ่มความเสถียรภายในกรอบเขตโทษ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าสโมสรพยายามแก้ปัญหาเฉียบพลันในตำแหน่งนี้

การสร้างความมั่นใจและการฟื้นฟูจิตใจ

หลังผลช็อกอย่างการตกรอบคาราบาว คัพ ต่อกริมสบี ผู้บริหารและสตาฟฟ์ต้องทำงานด้านจิตวิทยา ได้แก่คำพูดปลอบใจ, การประชุมเชิงแท็กติกแบบชัดเจน, การให้โอกาสผู้เล่นบางรายเรียกฟอร์ม (rotation) และการปรับบทบาทสำหรับผู้เล่นที่มีปัญหาซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเห็นเป็นรูปธรรมเมื่อทีมเริ่มต่อเนื่องได้หลายเกมติด

ตลาดซื้อขายยังเป็นช่องทางแก้ปัญหา

สโมสรยังอาจใช้ตลาดซื้อขายเพื่อแก้ปมที่เห็นชัด เช่นเซ็นผู้รักษาประตู, เพิ่มมิดฟิลด์คุมพื้นที่ หรือหากต้องการดาวยิงที่มี “สัญชาตญาณปิดบัญชี” ให้แน่ชัด ข่าววงในและสื่อรายงานถึงการจับตามองชื่อผู้เล่นบางตำแหน่งเพื่อเสริมทัพระยะสั้นถึงกลาง (การเสริมแบบนี้ต้องเร็วแต่เหมาะสม ไม่ใช่แค่ซื้อเพื่อหวังผลทันที)

คำแนะนำเชิงเทคนิค จากมุมมองนักวิเคราะห์ ถ้าผมเป็นคนตัดสินใจวันนี้ผมจะทำอะไรบ้าง

ชั่วคราว: เล่นระบบที่ลดช่องว่าง ถ้าตรงนี้คือปัญหา ให้ย้อนไป structure แบบ 4-3-3/4-2-3-1 ชั่วคราว เพื่อให้มี “มิดฟิลด์ปิดช่อง” อย่างชัดเจน แทนการใช้วิงแบ็กที่สูงเกินไปจนโดนสวนกลับง่าย
แก้ที่เซ็ตพีซก่อน เพิ่มเวลาซ้อมการมาร์ก ลูกตั้งเตะทั้งรับและรุก ประเด็นนี้แก้ได้เร็วและลดความเสี่ยงการเสียประตูหัวทิ่มได้ทันที
ยืนยันตัวผู้รักษาประตู อย่าให้ผู้รักษาประตูสลับไปมาโดยไม่มีความชัดเจนเพราะจะยิ่งทำให้การสื่อสารหน้าปากประตูแย่ลง หากต้องซื้อในตลาดให้เดินหน้าเร็ว
กิจกรรมฟื้นฟูความเชื่อมั่น (psychological reset) กำหนดช่วงเวลาชัดเจนในสัปดาห์ฝึกซ้อมสำหรับการเล่นโดยไม่มีผล (แบบ mini-challenges) เพื่อเรียกความมั่นใจผู้เล่นแนวรุกและป้องกันความตึงเครียด
คัดเลือกผู้เล่นให้ชัดเจน ให้โอกาสผู้เล่นที่ฟอร์มจริงและเหมาะกับแท็กติก อย่าเปลี่ยนเยอะจนผู้เล่นหลงทาง

บทสรุป

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้ล้มเหลวเพราะ “ความสามารถเชิงรายบุคคล” เพียงอย่างเดียว แต่เพราะปัญหาเชิงระบบและจิตวิทยาที่สะสมจนเปิดเผยออกมาต่อหน้าสาธารณะ ลูกตั้งเตะที่หละหลวม, การจัดสมดุลแดนกลาง-แบ็กไลน์ที่ยังไม่ลงตัว, ปัญหาผู้รักษาประตู และความกดดันหลังการตกรอบบอลถ้วยคือสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ผลลัพธ์ไม่ดีนักในสามนัดแรก. ทีมมีเวลาจำกัดในการแปลงวิกฤตเป็นโมเมนตัม ผลชนะเบิร์นลีย์ช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าทีมยังไม่ปรับแก้จุดเชิงโครงสร้างเหล่านี้ ผลของฤดูกาลอาจยังคงไม่สวย.ถ้ามาตรการเชิงแท็กติกและการจัดการจิตใจของสโมสรทำได้รวดเร็วและเด็ดขาด แมนฯ ยูไนเต็ดมีทรัพยากรและขุมกำลังที่พอจะกลับมาแข่งขันได้ แต่ถ้าการตอบสนองช้า หรือยังยึดติดกับแนวทางที่ถูกวิจารณ์ ทีมอาจเจอฤดูกาลที่ยากลำบากอีกครั้ง