12/10/2025

MongGame.com

เกาะติดทุกเกมฟุตบอล พร้อมบทวิเคราะห์เจาะลึก กับมุมมองที่เหนือกว่า

สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด: ความผิดหวังในถ้วยรีโว่ คัพ กับคำถามที่ต้องหาคำตอบก่อนจบฤดูกาล

สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด: ความผิดหวังในถ้วยรีโว่ คัพ กับคำถามที่ต้องหาคำตอบก่อนจบฤดูกาล

สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด: ความผิดหวังในถ้วยรีโว่ คัพ กับคำถามที่ต้องหาคำตอบก่อนจบฤดูกาล

แม้จะเป็นหนึ่งในสโมสรที่ได้รับการยอมรับเรื่องความเสถียรและระบบทีมที่แข็งแกร่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ “กว่างโซ้งมหาภัย” สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด กลับต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้งในฤดูกาล 2024/25 เมื่อพ่ายให้กับ ราชบุรี เอฟซี ด้วยสกอร์ 1-2 คาบ้านตัวเอง ในการแข่งขันฟุตบอลรีโว่ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2025 ความพ่ายแพ้นี้ไม่เพียงเป็นการตกรอบในฟุตบอลถ้วยใบสำคัญเท่านั้น แต่ยังสะท้อนปัญหาลึกที่ฝังอยู่ในทีมชุดปัจจุบัน ตั้งแต่แผนการเล่น ไปจนถึงคุณภาพเชิงลึกของขุมกำลังนักเตะบทความนี้จะพาผู้อ่านไปเจาะลึกถึงสาเหตุของความพ่ายแพ้ ไม่ว่าจะเป็นแท็คติกที่ใช้ในเกมกับราชบุรี, ฟอร์มโดยรวมของสโมสรตลอดฤดูกาล และจุดอ่อนของทีมที่อาจต้องรีบแก้ไข หากไม่อยากให้ฤดูกาลจบลงแบบมือเปล่าและไร้ทิศทาง

วิเคราะห์แผนการเล่นของทั้งสองทีม

สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของโค้ช ได้เลือกใช้ระบบ 4-2-3-1 เน้นการครองบอลและสร้างสรรค์เกมรุกจากแดนกลาง โดยมีศูนย์หน้าตัวเป้าเป็นหัวหอกในการทำประตู อย่างไรก็ตาม การขาดความเฉียบคมในจังหวะสุดท้ายและการประสานงานที่ไม่ลงตัว ส่งผลให้ไม่สามารถเจาะแนวรับของราชบุรี เอฟซี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ​ ด้าน ราชบุรี เอฟซี มาในระบบ 4-3-3 ที่ยืดหยุ่น โดยเน้นการเล่นเกมสวนกลับที่รวดเร็วและการใช้ประโยชน์จากปีกทั้งสองข้าง ความสามารถในการเปลี่ยนจากรับเป็นรุกอย่างรวดเร็ว ทำให้แนวรับของเชียงราย ยูไนเต็ด ต้องเผชิญกับความกดดันอย่างต่อเนื่อง​

ผลงานของสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้

ฤดูกาล 2024/25 เป็นหนึ่งในปีที่ยากลำบากของสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ทั้งในแง่ผลงานในลีกและฟุตบอลถ้วย โดยทีมรั้งอยู่ใน อันดับ 10 ของไทยลีก 1 จาก 16 ทีม (ณ กลางเดือนเมษายน 2025) ด้วยผลงาน ชนะ 11 เสมอ 2 แพ้ 15 จาก 28 นัด มีปัญหาใหญ่คือฟอร์มนอกบ้านที่ย่ำแย่ แพ้ถึง 11 จาก 13 นัดเยือน และเกมรับที่เสียประตูบ่อยครั้ง (เสีย 48 ประตู) การตกรอบฟุตบอล รีโว่ คัพ หลังแพ้ราชบุรี เอฟซี 1-2 ยิ่งสะท้อนให้เห็นความไม่เสถียรของทีมในเกมใหญ่ ขณะที่เกมรุกแม้กระจายตัวทำประตูได้หลายคน เช่น สิทธิโชค กันหนู, จอร์แดน เอมาวีเว่ และคาร์ลอส อิวรี่ แต่ขาดดาวยิงตัวหลักที่ทำประตูสม่ำเสมอ อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ การเปลี่ยนแปลงผู้ฝึกสอนถึง 3 ครั้ง ในฤดูกาลเดียว ส่งผลต่อโครงสร้างทีม ความมั่นใจ และรูปแบบการเล่นโดยรวม แม้จะยังไม่ต้องดิ้นรนหนีตกชั้น แต่ “กว่างโซ้งมหาภัย” ยังห่างไกลจากมาตรฐานของทีมลุ้นแชมป์ในอดีตอย่างชัดเจน และจำเป็นต้องมีการทบทวนทั้งในเรื่อง แท็คติก, การเสริมทัพ, ความมั่นใจของผู้เล่น และโครงสร้างบริหาร ก่อนจะก้าวไปสู่ฤดูกาลใหม่ได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

สรุปภาพรวม

ดูกาล 2024/25 ของสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด นับเป็นปีแห่งความเปลี่ยนแปลงและการค้นหาอัตลักษณ์ใหม่ของทีมอย่างแท้จริง จากอดีตทีมลุ้นแชมป์ กลับกลายเป็นทีมกลางตารางที่ผลงาน “เดี๋ยวดีเดี๋ยวดับ” โดยเฉพาะผลงานนอกบ้านที่ย่ำแย่และขาดความเฉียบขาดในช่วงเวลาสำคัญ

แม้จะยังไม่ต้องดิ้นรนกับโซนตกชั้น แต่ก็ห่างไกลจากเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ ทั้งในลีกและบอลถ้วย การตกรอบรีโว่ คัพ ในบ้านตัวเอง ยิ่งตอกย้ำถึงปัญหาเรื่องเกมรับที่ไม่เหนียวแน่น และเกมรุกที่ยังไร้ความคมเฉียบของอดีต

3 ประเด็นใหญ่ที่ต้องรีบแก้

  1. โครงสร้างทีมไม่มั่นคง: การเปลี่ยนเฮดโค้ชถึง 3 ครั้งในฤดูกาลเดียวไม่เพียงแต่ทำลายความต่อเนื่องของระบบการเล่น แต่ยังบั่นทอนความมั่นใจของนักเตะ การไม่มี “ผู้นำในสนาม” หรือ “คนแบกเกมรุก” ชัดเจน ยิ่งทำให้จังหวะเกมของทีมไม่ไหลลื่น
  2. ขุมกำลังขาดความลึก: ตัวหลักบาดเจ็บบ่อย ส่วนสำรองไม่สามารถทดแทนได้ในระดับเดียวกัน ส่งผลให้ทีมมีผลงานตกลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องเล่นถี่หรือมีเกมใหญ่ติดกัน
  3. แท็คติกที่ไม่ชัดเจน: มีความพยายามเล่นเกมครองบอลแบบเท้าสู่เท้า แต่ขาดความแม่นยำและสปีดบอลที่อันตราย ไม่สามารถจบสกอร์ได้เด็ดขาด แถมการตั้งรับในเกมสวนกลับก็ยังมีช่องโหว่

แล้ว “กว่างโซ้ง” จะกู้ศรัทธาได้อย่างไร?

สิ่งที่สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ดต้องทำ ไม่ใช่แค่ “ซื้อนักเตะใหม่” แต่ต้องกลับไปตั้งคำถามที่สำคัญที่สุดว่า สโมสรต้องการเป็นทีมแบบไหน? จะเน้นปั้นเยาวชนหรือใช้เงินลุยตลาดนักเตะ? จะสร้างระบบเกมรุกใหม่ หรือเลือกแนวทางรับแน่นรอสวน?อีกสิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือ โค้ชถาวร ที่มีวิสัยทัศน์ระยะยาว เข้าใจ DNA ของทีม และสามารถสร้างคาแร็กเตอร์ที่ชัดเจนให้กับเชียงรายในยุคใหม่

บทสรุปสุดท้าย“กว่างโซ้งมหาภัย” อาจไม่ได้เป็นทีมระดับท็อปในปีนี้ แต่ยังมีศักยภาพเพียงพอจะรีบูตใหม่ หากวางแผนอย่างชาญฉลาดในช่วงปิดฤดูกาล แฟนบอลยังคงเชื่อมั่นในทีมเสมอ สิ่งที่ต้องมีก็คือ “ความกล้าตัดสินใจ” และ “วิสัยทัศน์ระยะยาว” ไม่เช่นนั้น ฤดูกาลหน้า อาจไม่ได้จบที่อันดับ 10 แต่อาจต้องลุ้นหนีตกชั้นแบบไม่ทันตั้งตัว