
วิเคราะห์ก่อนเกม เชลซี พบกับ ลิเวอร์พูล
เมื่อศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เดินทางเข้าสู่โค้งสุดท้ายของฤดูกาล 2024/25 หนึ่งในแมตช์ที่แฟนบอลทั่วโลกต่างเฝ้ารอคอย คือการพบกันระหว่าง “สิงห์บลู” เชลซี และ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม 2025 เวลา 22:30 น. ตามเวลาประเทศไทย ณ สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ เกมนี้ไม่ได้มีแค่ศักดิ์ศรีของสองทีมใหญ่เท่านั้น แต่ยังมีเดิมพันที่สูงลิ่วในเรื่องอันดับตารางอีกด้วย เชลซีของ เอ็นโซ มาร์เรสก้า ต้องการแต้มเพื่อไล่ล่าอันดับ 4 และโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกอย่างเต็มตัว ขณะที่ ลิเวอร์พูล ของ อาร์เน่ สล็อต แม้จะคว้าแชมป์ลีกไปแล้ว แต่ยังคงเดินหน้าเต็มสูบเพื่อเป้าหมายใหม่การจบฤดูกาลแบบไร้พ่าย นี่คือเกมที่ทั้งแท็คติก ความเขี้ยว และความเด็ดขาด จะถูกทดสอบในระดับสูงสุด เป็นการดวลกันของบอลระบบกับบอลสปีดที่แฟนบอลไม่ควรพลาด
ฟอร์มทีมล่าสุด
เชลซี
แม้จะเริ่มฤดูกาลแบบติดๆ ขัดๆ แต่ช่วงหลัง “สิงห์บลู” เริ่มเก็บแต้มได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะเกมรุกที่เริ่มหาจังหวะได้ดีขึ้น การผนึกกำลังของ โคล พาลเมอร์, เอ็นโซ่ แฟร์นานเดซ และนิโกลัส แจ็คสัน ช่วยสร้างความแตกต่างในพื้นที่สุดท้าย เกมล่าสุดสามารถคว้าชัยได้สำเร็จ พร้อมรักษาสถิติไม่แพ้ใครใน 4 นัดหลังสุดในลีก ฟอร์มโดยรวมเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น แม้เกมรับยังมีหลุดบ้าง แต่ความมั่นใจของนักเตะกำลังมา
ลิเวอร์พูล
“หงส์แดง” ยุคใหม่ภายใต้กุนซือ อาร์เน่ สล็อต ยังคงดุดันและเล่นด้วยระบบเพรสซิ่งอันเป็นเอกลักษณ์ พวกเขาชนะถึง 4 จาก 5 นัดหลังสุด และยิงประตูได้อย่างต่อเนื่องเกือบทุกเกม ขณะที่แนวรับแม้จะมีปัญหานักเตะบาดเจ็บบ้าง แต่ระบบทีมยังช่วยกันได้ดี โดยเฉพาะมิดฟิลด์ที่เล่นได้สมดุล ฟอร์มโดยรวมดูพร้อมและมีโมเมนตัมที่ดีอย่างมากก่อนเดินทางไปเยือนลอนดอน
นักเตะเด่น
เชลซี
- เอ็นโซ เฟอร์นานเดซ: เพลย์เมกเกอร์ค่าตัวแพง สร้างโอกาสและเป็นหัวใจแดนกลาง
- มิสลินตัต: ปราการหลังตัวกลางที่เพิ่งกลับมาฟิต ช่วยเสริมความแข็งแกร่งแนวรับ
ลิเวอร์พูล
- โมฮาเหม็ด ซาล่าห์: ดาวยิงตัวเก่ง ยิง 22 ประตูในลีก ฤดูกาลนี้
- จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม: ห้องเครื่องจอมขยัน คุมเกมแดนกลางและเชื่อมเกมรุกได้เนียน
แท็คติกและจุดสำคัญ
- เชลซี (3-4-3) ภายใต้ เอ็นโซ มาร์เรสก้า จะเน้นสร้างสรรค์เกมจากแดนกลาง ใช้ วิงแบ็กรุกเติมเกม และเน้นการเปิดปาบอลยาวให้หัวหอกประคองบอลในเขตโทษ
- ลิเวอร์พูล (4-3-3) ภายใต้ อาร์เน่ สล็อต ยังคงใช้เพรสซิ่งสูง ฝังไลน์แบ็คให้กว้างเพื่อเก็บบอลริมเส้น และใช้ความเร็วของ ซาล่าห์–มาเน่ ในการตัดเกมสวนกลับ
ผลการแข่ง 10 นัดล่าสุดที่เคยพบกัน
- 20 ตุลาคม 2024 – ลิเวอร์พูล 2-1 เชลซี
- 25 กุมภาพันธ์ 2024 – เชลซี 0-0 ลิเวอร์พูล
- 31 มกราคม 2024 – ลิเวอร์พูล 4-1 เชลซี
- 13 สิงหาคม 2023 – เชลซี 1-1 ลิเวอร์พูล
- 4 เมษายน 2023 – เชลซี 0-0 ลิเวอร์พูล
- 21 มกราคม 2023 – ลิเวอร์พูล 0-0 เชลซี
- 14 พฤษภาคม 2022 – เชลซี 0-0 ลิเวอร์พูล
- 27 กุมภาพันธ์ 2022 – เชลซี 0-0 ลิเวอร์พูล
- 2 มกราคม 2022 – เชลซี 2-2 ลิเวอร์พูล
- 28 สิงหาคม 2021 – ลิเวอร์พูล 1-1 เชลซี
ผลการแข่งขัน 5 นัดล่าสุดของทั้ง 2 ทีม
เชลซี
- 1 พฤษภาคม 2025 – ชนะ ดยูร์กอร์เดนส์ 4-1 (ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก)
- 26 เมษายน 2025 – ชนะ เอฟเวอร์ตัน 1-0 (พรีเมียร์ลีก)
- 20 เมษายน 2025 – ชนะ ฟูแล่ม 2-1 (พรีเมียร์ลีก)
- 13 เมษายน 2025 – เสมอ อิปสวิช ทาวน์ 2-2 (พรีเมียร์ลีก)
- 10 เมษายน 2025 – ชนะ เลเกีย วอร์ซอว์ 3-0 (ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก)
ลิเวอร์พูล
- 2 เมษายน 2025 – ชนะ เอฟเวอร์ตัน 1-0 (พรีเมียร์ลีก)
- 6 เมษายน 2025 – แพ้ ฟูแล่ม 2-3 (พรีเมียร์ลีก)
- 13 เมษายน 2025 – ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-1 (พรีเมียร์ลีก)
- 20 เมษายน 2025 – ชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-0 (พรีเมียร์ลีก)
- 27 เมษายน 2025 – ชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 5-1 (พรีเมียร์ลีก)Sofascore
คาดการณ์ผลการแข่งขัน
เชลซี 1–2 ลิเวอร์พูล
ลิเวอร์พูลจะมาในระบบที่สมดุลทั้งรุก-รับ แม้ว่าจะพักตัวหลักบางตำแหน่งแต่ยังมีซาล่าห์และตัววิ่งสายกลางที่เอาอยู่ ในขณะที่เชลซีแม้จะเล่นในบ้านแต่ยังมีช่องโหว่เกมรับ โอกาสที่หงส์แดงจะฉวยโอกาสสวนกลับและเก็บสามแต้มมีสูง
บทสรุป
การพบกันระหว่าง เชลซี และ ลิเวอร์พูล ในวันที่ 4 พฤษภาคม 2025 นี้ ไม่เพียงแต่เป็นการดวลกันของสองทีมยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีก แต่ยังเป็นการต่อสู้ที่มีความหมายต่ออันดับตารางคะแนนและความมั่นใจของทั้งสองทีม เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ เอ็นโซ มาร์เรสก้า กำลังมองหาความมั่นคงและฟอร์มที่ต่อเนื่อง หลังจากผลงานในช่วงหลังมีทั้งชัยชนะและความพ่ายแพ้ การเผชิญหน้ากับทีมระดับท็อปอย่างลิเวอร์พูลจะเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับการวัดศักยภาพของทีม ลิเวอร์พูล ที่เพิ่งคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2024–25 ไปครอง กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ด้วยการชนะ 4 จาก 5 นัดหลังสุด การมาเยือนสแตมฟอร์ด บริดจ์ ครั้งนี้ พวกเขาหวังที่จะรักษาสถิติที่ดีต่อเนื่องและเสริมสร้างความมั่นใจก่อนจบฤดูกาลสถิติการพบกัน 10 นัดหลังสุดระหว่างทั้งสองทีมแสดงให้เห็นถึงความสูสี โดยมีผลเสมอถึง 8 นัด และเชลซียังไม่สามารถเอาชนะลิเวอร์พูลได้ในช่วงเวลาดังกล่าวเกมนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเชลซีในการเปลี่ยนแปลงสถิติดังกล่าว และสำหรับลิเวอร์พูลในการยืนยันความเป็นแชมป์ด้วยผลงานที่ต่อเนื่อง
More Stories
วิเคราะห์ก่อนเกม: โปรตุเกส พบกับ ไอร์แลนด์ ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนยุโรป
วิเคราะห์ก่อนเกม: อิรัก พบกับ อินโดนีเซีย ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 4 กลุ่ม B
วิเคราะห์ก่อนเกม: ยูเออี พบกับ โอมาน ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 4 กลุ่ม A