12/10/2025

MongGame.com

เกาะติดทุกเกมฟุตบอล พร้อมบทวิเคราะห์เจาะลึก กับมุมมองที่เหนือกว่า

ตลาดนักเตะพรีเมียร์ลีก 2025/26 วิเคราะห์ก่อนเปิดฤดูกาล

ตลาดนักเตะพรีเมียร์ลีก 2025/26 วิเคราะห์ก่อนเปิดฤดูกาล

6 สโมสรใหญ่กับการเสริมทัพชุดใหญ่

แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ซิตี้เปิดหน้าทุ่มเงินก้อนโตปรับโฉมทีมหลังจบซีซั่นที่ไม่สวย การซื้อขายฤดูร้อนนี้ เน้นเสริมแดนกลางและเกมรุก เป็นหลัก โดยคว้านักเตะใหม่เข้าทีมพร้อมกันหลายราย ได้แก่ รายนาน ไอต์-นอรี (ฟูลแบ็กจาก Wolves, 31 ล้านปอนด์) มาร์คัส เบตตินเนลลี (GK จาก Chelsea, ค่าเข้าน้อยนิด) ไรอัน แชร์กี้ (ปีกจาก Lyon, 30.5 ล้าน) ทิจจานี เรจน์เดอรส์ (กองกลางจาก AC Milan, 46.5 ล้าน) แบไลซ่า แซร์การ์ (ดาวรุ่งฟรีจาก PSG) สเวอร์รี นีปาน (กองกลางตัวรุกจาก Rosenborg, 12.5 ล้าน) และเจมส์ ทราฟฟอร์ด (GK จาก Burnley, ~31 ล้าน) ขณะเดียวกัน ซิตี้ก็ เสียตัวหลักรุ่นเก๋าออกหลายคน โดยเฉพาะ เควิน เดอ บรอยน์ ที่อำลาฟรีไป และไคล์ วอล์คเกอร์ (ย้าย Burnley 5 ล้าน) รวมถึงสกอตต์ คาร์สัน (หายสัญญา) ซึ่งเป็นสัญญาณการ “เปลี่ยนเวรเปลี่ยนกรรม” ให้กับทีมชุดนี้

  • รายชื่อนักเตะเข้า: รายนาน ไอต์-นอรี (£31m จาก Wolves), รอยาน แชร์กี้ (£30.5m จาก Lyon), ทิจจานี เรจน์เดอรส์ (£46.5m จาก AC Milan), เจมส์ ทราฟฟอร์ด (ราว £31m จาก Burnley) เป็นต้น
  • รายชื่อนักเตะออก: เควิน เดอ บรอยน์ (ฟรีไป Napoli), ไคล์ วอล์คเกอร์ (£5m ไป Burnley), ยาน คูโต (ย้าย Dortmund £25m) และสกอตต์ คาร์สัน (หมดสัญญา) เป็นต้น

การเสริมทัพของซิตี้รอบนี้ชัดเจนว่ากวาร์ดิโอล่าเตรียมรื้อทีมรุ่นเก๋า (KDB) เพื่อยกเครื่องใหม่ ช่วงปรีซีซั่นนี้ตัวรุกอย่าง แชร์กี้ และกองกลางใหม่ทั้ง เรจน์เดอรส์ จะถูกจับตาว่าจะเติมเต็มช่องว่างสร้างสรรค์บอลแทนเดอ บรอยน์ได้มากแค่ไหน ขณะที่ จุดอ่อนเดิมของซิตี้คือบอลริมเส้นน้อย จะเห็นได้จากการซื้อ อาอิต-นอรี ที่ถนัดเปิดบอลจากซ้าย เป้าหมายคือต้องเพิ่มวิสัยทัศน์การเล่นและการส่งบอลเข้าสู่หัวหอก (เพราะเฮซุสยิงน้อย) เพื่อหล่อเลี้ยงเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ให้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ผลกระทบ: ถ้าแข้งใหม่ปรับตัวไว ซิตี้ก็พร้อมเป็นตัวเต็งลุ้นแชมป์อีกครั้ง, แต่ถ้ายังไม่ลงตัวก็อาจต้องใช้เวลา 1-2 เดือนแรกในการจูนทีมใหม่เต็มรูปแบบ

ลิเวอร์พูล

แชมป์เก่าลิเวอร์พูลจัดหนักซัมเมอร์นี้ ใช้งบทะลุ 260 ล้านปอนด์ซื้อ กองกลาง-ปีก-หน้าใหม่ มาอัพเกรดทีม รายสำคัญได้แก่ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ (จาก Leverkusen £116m), เฮูโก้ เอกิติเก้ (จาก Frankfurt £79m), เยอร์เมีย ฟริมปง (จาก Leverkusen £29.5m) และมิโลส เกอร์เกซ (แบ็กซ้ายจาก Bournemouth £40m)นอกจากนี้ยังมี กิออร์จิ มามาร์ดาชวิลี่ (GK £25m, ปีที่แล้วยืมใช้) และ อาร์มิน เปเชซี (GK ยู-21 £1.5m) มาเป็นสำรองผู้รักษาประตู ส่วนแข้งดังอย่าง ตรัง อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (ย้ายไป Real Madrid £10m), คอเมฮีน เคเลเฮอร์ (ย้าย Brentford £18m) และจาเร็ลล์ ควนซาห์ (ย้าย Leverkusen £35m) ก็ออกจากทีม

  • รายชื่อนักเตะเข้า: ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ (£116m, Leverkusen), เฮูโก้ เอกิติเก้ (£79m, Frankfurt), เยอร์เมีย ฟริมปง (£29.5m, Leverkusen), มิโลส เกอร์เกซ (£40m, Bournemouth) (รวมถึง GK ใหม่อีก 3 ราย)
  • รายชื่อนักเตะออก: ตรัง อาร์โนลด์ (£10m ไป Real Madrid), คอเมฮีน เคเลเฮอร์ (£18m ไป Brentford), จาเร็ลล์ ควนซาห์ (£35m ไป Leverkusen)

การเสริมทีมของลิเวอร์พูลครั้งนี้เน้น เพิ่มความหลากหลายเกมรุกและความดุ เดินตามแนวทาง “กดดันสูง” ของโค้ชคนใหม่ อาร์เน่ สล็อตต์ การซื้อนักเตะหลายตำแหน่งแบบพร้อมกัน ทำให้ชุดแข่งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แต่การเสีย อาร์โนลด์ (ผู้ขับเคลื่อนบอลยาวจากแดนหลัง) เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่แฟนหงส์ต้องจับตาดูผลกระทบ แทนที่เขาคือ ฟริมปง ที่เน้นสปีดลากขึ้นริมเส้นมากกว่า ซึ่งอาจเปลี่ยนสไตล์ทีมเล็กน้อย แต่ยังอุดมด้วยกองหน้าทักษะสูงทั้ง เวิร์ตซ์, เอกิติเก้, ซาลาห์, มาเน่ ทำให้ลิเวอร์พูลยังนับเป็นตัวเต็งแชมป์ได้เหมือนเดิม

อาร์เซนอล

อาร์เซนอลยังรักษามาตรฐาน “เสี่ยปืนใหญ่” ซัมเมอร์นี้ทุ่มไม่อั้นเกือบ 200 ล้านปอนด์เสริมทัพเพื่อแก้ปัญหาตาข่ายเยอะๆ หลังจบรองแชมป์ซีซั่นที่แล้ว รายหลักที่ซื้อเข้ามาได้แก่ มาร์ติน ซูบิเมนดี้ (กองกลางตัวรับจาก Real Sociedad £51m) คริสเตียน นอร์การ์ด (กองกลางจาก Brentford £15m) เคปา อาร์ริซาบาลาก้า (GK จาก Chelsea £5m) นูนี่ มาดุเอเก้ (ปีกจาก Chelsea £52m) และ วิกเตอร์ โกเยเรส (กองหน้า/ปีกจาก Sporting £63.5m) ในขณะเดียวกันปล่อยตัว เคียแรน เทียร์นี่ย์, นิทาโร ทาเวเรส (ปล่อยยืม+ขาย), ชาก้า ตกเป็นข่าวย้าย ฯลฯ แต่ที่เด่นสุดคือปล่อยตัว จอร์จินโญ่ (ฟรี) และ ปล่อยตัวเล็กๆ เช่น เนตโต้ (คืน Chelsea), มาร์กินญอส (ขาย Cruzeiro)

  • รายชื่อนักเตะเข้า: ซูบิเมนดี้ (£51m), นอร์การ์ด (£15m), มาดุเอเก้ (£52m), เคปา (£5m), โกเยเรส (£63.5m)
  • รายชื่อนักเตะออก: จอร์จินโญ่ (ฟรี), คีแรน เทียร์นี่ย์ (ฟรี–ย้ายกลับ Celtic), นูโน่ ตาเวเรส (£4.3m), มาร์กินญอส (£2.6m)

อาร์เซนอลเน้นเติม เกมรุกให้คมกว่าเดิม หลังมีปัญหา “ยิงได้น้อย” ในฤดูกาลก่อน การมาของ โกเยเรส ผู้ยิง 54 ประตูซีซั่นที่แล้ว จะช่วยตอบโจทย์จุดอ่อนสำคัญของทีมได้ชัดเจน ยิ่งมี มาดุเอเก้ เพิ่มพลังเลี้ยงบอลริมเส้น ยิ่งหวังได้ประตูมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เกมรับของทีมต้องจับตาเช่นกัน เพราะปล่อย จอร์จินโญ่/ซาก้า ออกจากทีมไปทำให้ประสบการณ์ตรงนี้น้อยลง การจัดชุดแดนกลางใหม่ซึ่งขึ้นกับหน้าใหม่ทั้งสองราย รวมถึงคุมจังหวะจากวิธีเล่นของทีม จะเป็นตัววัดว่าปืนใหญ่จะยกระดับขึ้นไปชั้นไหน ผลต่อโอกาสแชมป์: เสริมหนักเกินคาด ช่วยเพิ่มโอกาสลุ้นแชมป์สูง แต่ต้องรอดูการประสานงานของกองหน้าใหม่ว่าจะจบสกอร์ได้คุ้มค่ากับเงินหรือไม่

เชลซี

เชลซีเปลี่ยนโฉมทีมเหมือน “ปลดล็อกคลังตังค์” ของเจ้าของใหม่ ใช้ไปกว่า 200 ล้านปอนด์กระชากดาวรุ่ง-ดาวดังเข้ารัง รายได้แข้งใหม่ของทีมปีนี้ประกอบด้วย เจมี่ กิตเท่นส์ (ปีกจาก Dortmund £51m) ชูเอา เปโดร (กองหน้า/ปีกจาก Brighton £60m) เลียม เดลับ (กองหน้า Ipswich £30m) เอสเตแวโอ (กองกลางตัวรุกจาก Palmeiras £29.1m) ดาริโอ เอสซูโก้ (มิดฟิลด์ Sporting £18.5m) มามาดู ซาร์ (กองหลัง Strasbourg £12.1m) เป็นต้น ขณะที่ปล่อยนักเตะออกไปบ้าง เช่น ดอร์เจ เปโตรวิช (ผู้รักษา Bournemouth £25m) บาชีร์ ฮัมฟรีส์ (แบ็ก Burnley £12.1m) มาร์คัส เบตตินเนลลี (GK City £2.1m) เคปา อาร์ริซาบาลาก้า (GK Arsenal £5m ซึ่งแม้บางคนจะไม่ใช่ตัวหลักมาก แต่ก็เป็นการเคลียร์บัญชีผู้รักษาประตูที่ล้นไปพร้อมกัน

  • รายชื่อนักเตะเข้า: เจมี่ กิตเท่นส์ (£51m), ชูเอา เปโดร (£60m), เลียม เดลับ (£30m), เอสเตแวโอ (£29.1m), ดาริโอ เอสซูโก้ (£18.5m), มามาดู ซาร์ (£12.1m)
  • รายชื่อนักเตะออก: ดอร์เจ เปโตรวิช (£25m), บาชีร์ ฮัมฟรีส์ (£12.1m), มาร์คัส เบตตินเนลลี (£2.1m), เคปา อาร์ริซาบาลาก้า (£5m), มาตีส อามูกู (£13m, ย้าย Strasbourg) และ โนนี มาดุเอเก้ (£52m, ไป Arsenal)

เชลซีลงทุนหนัก อุดช่องว่างแดนหน้า เพราะฤดูกาลก่อนยิงประตูกันไม่ถล่มทลายพอ การเซ็น จิตเท่นส์, เปโดร, เดลับ, เอสเตแวโอ ชัดว่าจัดให้มีตัวชูโรงในพื้นที่สุดท้ายเยอะขึ้น อย่างไรก็ตาม สิงห์บลูส์กลับปล่อยกองหลังและ GK โยกย้ายพอสมควร ทั้งๆ ที่โกลของทีมเป็นปัญหาไปแล้วในซีซั่นก่อน (ซานเชซยังไม่แข็ง) กำลังใจสำคัญของเชลซีน่าจะอยู่ที่ แผงรุกชุดใหม่ที่หวังปรับปรุงสถิติลดตาข่ายได้มากขึ้น โดยเฉพาะ เชลซีอาจต้องจับตาว่าใครจะก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าตัวจริงแทน แดเนียล แจมป์ แม้ว่าจะซื้อคนใหม่มามาก แต่ตำแหน่งผู้รักษาประตูนับว่าเป็นจุดอ่อนที่อาจสร้างปัญหาได้เสมอ หากแข้งหน้าใหม่ปรับตัวได้น่ากลัว ทีมนี้ก็ลุ้นแชมป์ได้ แต่ต้องเข้มจริงถึงจะเล่นท็อป 4 ได้ในฤดูกาลนี้

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดยุคครีเอทีฟของรูเบน อาโมริมด้วยนักเตะหน้าใหม่หลายราย โดดเด่นที่สุดคือ ดิโอกอร์ เลออน (แบ็กซ้ายดาวรุ่ง £3.3m) และ มาเทอุส คูนญา (ดาวยิงจาก Wolves สถิติ 33 ประตู 92 นัด ราคาประมาณ £62.5m) นอกจากนี้ยังเสริมดาวรุ่งอีกเล็กน้อยอย่าง ไบรอัน เอ็มส์เดน-เจมส์ (CB £1m) เอนโซ่ คาน่า-บิยิก (ฟรี) เป็นต้น ส่วนขุมกำลังหลักที่ออกจากทีมมี มาร์คัส แรชฟอร์ด ย้าย (ยืม) ไปบาร์ซ่า และคริสเตียน อีริคเซ่น (หมดสัญญา) รวมถึง โจนี่ เอวานส์ และวิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ตัดใจปล่อยหมด

  • รายชื่อนักเตะเข้า: ดิโอกอร์ เลออน (£3.3m, ซ้าย), มาเทอุส คูนญา (£62.5m, กองหน้า)
  • รายชื่อนักเตะออก: มาร์คัส แรชฟอร์ด (ยืมไป Barcelona) คริสเตียน อีริคเซ่น (ปล่อยฟรี), วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ (หมดสัญญา)

สภาพทีมแมนฯ ยูไนเต็ดยังถือว่า ตึงมือแนวรุก เพราะเสีย ราชฟอร์ด (แม้ว่าจะมีออปชั่นซื้อขาย) ทำให้ดาวยิงชั้นนำหายไป แม้ว่าจะได้ คูนญา ที่เคยยิงประตูในอังกฤษได้เรื่อยๆ แต่ก็ต้องรอดูว่าเขาจะเข้ากับระบบ 3-4-2-1 ของอาโมริมได้แค่ไหน แนวรับเสียแข้งเก๋าอย่าง ลินเดอเลิฟ (284 นัดแดงเดือด) ก็ต้องหวังคู่เซนเตอร์ใหม่ช่วยแบ่งเบาภาระ พร้อมกันนั้น ปีกซ้ายอย่าง แรชฟอร์ด ที่มุ่งมั่นอยากเล่นบอลยุโรป ก็ออกไปตามฝันแล้ว ซึ่งทำให้แมนฯ ยูฯ โอกาสลุ้นแชมป์แทบจะเป็นศูนย์ในทันที แต่ก็เป็นการเริ่มต้นการสร้างทีมใหม่ที่อาจใช้เวลาสักหน่อย

ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์

สเปอร์ส พ้นยุคโพสต์-พอเช็ตติโน่ เดินหน้าเปลี่ยนผู้เล่นชุดใหญ่ครั้งใหญ่ แม้ไม่มีชื่อเสี่ยงอันตรายแบบผู้เล่นแนวรุกหรือตัวซัลโวสูง แต่ก็เน้นเสริม แนวรับและความเร็วริมเส้น อย่างหนักยกตัวอย่าง ไมเคิ่ล คูดูส ปีกทีมชาติกานา (£55m จาก West Ham) ช่วยเสริมตัวเลือกแนวรุก ฟากเกมรับสอย โคตะ ทาไก (CB ญี่ปุ่น £5m) ลูคา วุชโควิช (CB โครเอเชีย £12m) และเลเว่น ดันโซ (CB ออสเตรีย £21m จาก Lens) ติดทีม, รวมถึง แมธิส เทล (กองหน้า Bayern £29.8m) ซึ่งหลังจบซีซั่นที่แล้วทีมมีปัญหาบาดเจ็บกองหลังมากมาย การเสริมแนวรับจึงไม่แปลก ในแดนกลางยังได้ตัวสำคัญอย่าง โจว ปัลฮินญ่า (ยืมจาก Bayern) เก๋ากรุบช่วยบดบังเกมคู่แข่ง

  • รายชื่อนักเตะเข้า: โมฮัมเหม็ด คูดูส (£55m, ปีกจาก West Ham) โคตะ ทาไก (£5m, CB), ลูคา วุชโควิช (£12m, CB), เลเว่น ดันโซ (£21m, CB จาก Lens), แมธิส เทล (£29.8m, กองหน้า Bayern) เป็นต้น
  • รายชื่อนักเตะออก: ปิแอร์-เอ็มเมอริก โฮจ์เบิร์ก (£17m ไป Marseille) เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ (หมดสัญญา), อองโตนี่ อีลังก้า (ยืมจบจาก Aston Villa) เป็นต้น

ท็อตแน่มภายใต้โธมัส แฟรงค์เน้น สร้างทีมรับแน่นและแดนกลางกระฉับกระเฉง จากภาพรวมแล้วพวกเขาไม่ทุ่มซื้อดาวดังคู่แข่ง แต่เน้นดึงตัวผู้เล่นหลายตำแหน่งมาปรับทัพทีเดียว การเซ็น คูดูส รับบทผู้จ่ายบอลริมเส้นและการทำประตูเล็กน้อย และเพิ่ม CB แนวลึก 3 คนพร้อมกัน ทำให้เกมรับแข็งขึ้นมาก เหมาะกับแผน 3-4-2-1 ที่เดิมเน้นยามบุกเจอปัญหาเจ็บจนขาดหลายราย เห็นได้ชัดในนัดสุดท้ายปีที่แล้ว รูปแบบเกมของสเปอร์สอาจเปลี่ยนเล็กน้อย มีสไตล์ “สอดปีกเร็ว-ตั้งรับเหนียว” มากขึ้น ข้อกังวลคือแนวรุกยังไม่มีคนที่ยิงได้เยอะจริงๆ (ซึ่งอาจต้องฝากฝัง แดเนี่ยล เซสโก้ หรือ เดยัน คูลูเซฟสกี้ ต่อไป) อย่างไรก็ตาม เป้าหมายสูงสุดของสเปอร์สปีนี้คือจบท็อปโฟร์และลุ้นถ้วยยุโรป หากทรานส์เฟอร์เวิร์กนี้ลงตัว สเปอร์สจะเป็นทีมอันตรายต่อทุกทีม

ทีมอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

  • แอสตัน วิลล่า: ใช้งบไม่มาก แต่เสริมดาวรุ่งมาเติมโควตา เช่น ได้ ยาอซิน โอซกัน (ปีกจาก Kasimpasa) และ เซปิเคโน เรดมอนด์ (ฟูลแบ็กจาก Feyenoord) เข้ามาเพิ่มวัยรุ่นช่องว่าง ก่อนหน้านี้มีข่าวอยากได้ ไบรอัน เอ็มเบวโม (Brentford) ด้วย แต่ก็ยังไม่เกิดขึ้น
  • นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด: ทีมเงินหนาหยุดเม็ดไม่ลง แม้ว่าจะปัญหาเรื่อง PSR แต่ช่วงซัมเมอร์นี้รั้งตัว แอนโธนี่ อีลังก้า (ปีกฟรีจาก Man Utd) ได้เรียบร้อย (ค่าตัวราว £55m) และเซ็นเด็กแนว อันโตนิโอ คอร์เดโร (จาก Málaga) ขณะที่นักเตะสำคัญเก่าๆ อย่าง อลัน เซบาญอส หรือตัวรุกอย่าง แคลลัม วิลสัน ยังอยู่ครบ เรียกว่ารับผลกระทบน้อย
  • ไบรท์ตัน & ฮอฟ อัลเบียน: ต้องรับมือกับการจากไปครั้งใหญ่ของ โชเซ่ โชต้า (João Pedro) หัวหอกตัวเก่งที่ย้ายซบเชลซี (ค่าตัว ~£55m)แม้จะได้โอเล่ บอสคากลี่ (กองหลัง PSV) เข้ามาอุดแนวรับ แต่สูญเสียดาวยิงหมายเลข 1 ไปค่อนข้างมาก Brighton จึงเน้นซื้อแข้งหน้าใหม่ เช่น โรมิโอ คอสตูลาส (กองกลางจาก Olympiacos) และแกเบรียล อาร์กอส (กองหลังจาก Frankfurt) แต่ใครจะมาทำประตูแทนโจเองคงต้องรอดูกันต่อไป

ผลกระทบต่อโอกาสลุ้นแชมป์

การซื้อขายฤดูร้อนนี้ช่วยปรับโฉม โอกาสลุ้นแชมป์ ของแต่ละทีมใหญ่แบบชัดเจน ลิเวอร์พูลยังเป็นหนึ่งในเต็งแชมป์เพราะได้เสริมทีมครบทุกจุด เป๊ป ซิตี้ทุ่มเงินก้อนใหญ่หวังกลับไปเต็งแชมป์อีกครั้ง แต่ต้องยอมแลกกับการเสียผู้เล่นประสบการณ์สูง (KDB) อาร์เซนอลได้ตัวเป้าหมายเด็ดยิงประตู (Gyökeres) มาแก้ปัญหาหนัก แต่ต้องลุ้นว่ากองหน้าตัวใหม่จะเริ่มยิงให้เร็วแค่ไหน ขณะที่เชลซีที่ทุ่มสุดตัวอาจเสียเปรียบเรื่องความสม่ำเสมอในระยะสั้นเพราะเล่นยากขึ้นในการผสม 2 ดาวรุ่งหน้าใหม่ลงไปพร้อมกัน (โดยเฉพาะเกมรับยังเป็นคำถาม) แมนฯ ยูไนเต็ดกับสเปอร์สโอกาสลุ้นแชมป์แทบเป็นโมฆะ เนื่องจากเสียผู้เล่นหลัก (แมนฯ ยูฯ เสีย ราชฟอร์ดและขุมกำลังอ่อนกว่าเดิม สเปอร์สยังขาดดาวยิงคมๆ) ถึงกระนั้น แม้ละทีมไม่ใช่เต็งแชมป์ตรงๆ แต่ผู้เล่นใหม่และความเคลื่อนไหวในตลาดก็เป็นตัวแปรสำคัญที่จะกำหนดผลแพ้ชนะในฤดูกาลหน้าว่าจะมี “ม้ามืด” หรือทีมไหนเซอร์ไพรส์ขึ้นมาได้บ้าง