15/10/2025

MongGame.com

เกาะติดทุกเกมฟุตบอล พร้อมบทวิเคราะห์เจาะลึก กับมุมมองที่เหนือกว่า

ธีรศักดิ์แฮตทริก ช้างศึกบุกถล่มไต้หวัน 6-1 คัดเอเชียนคัพ 2027

ธีรศักดิ์แฮตทริก ช้างศึกบุกถล่มไต้หวัน 6-1 คัดเอเชียนคัพ 2027

ธีรศักดิ์แฮตทริก ช้างศึกบุกถล่มไต้หวัน 6-1

ธีรศักดิ์ เผยพิมาย (หมายเลข 14) ฉลองหลังยิงประตูแรกให้ทีมชาติไทยขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 4 ของเกมที่สนามไทเป มูนิซิปัล สเตเดียม (14 ต.ค. 2568) ทีมชาติไทยโชว์ฟอร์มสุดโหด บุกถล่มทีมชาติไต้หวัน (Chinese Taipei) ขาดลอยถึง 6-1 ในการแข่งขันฟุตบอลเอเชียนคัพ 2027 รอบคัดเลือก กลุ่ม D นัดที่ 4 ที่สนามไทเป มูนิซิปัล สเตเดียม เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 โดยเกมนี้ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ระเบิดฟอร์มทำแฮตทริก (ยิงคนเดียว 3 ประตู) ขณะที่ สุภโชค สารชาติ โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม ยิง 1 ประตูพร้อมทำ 3 แอสซิสต์ ช่วยให้ทัพ “ช้างศึก” เก็บชัยชนะอย่างสวยงาม นอกจากนี้ เสกสรรค์ ราตรี ทำได้ 1 ประตู และทีมไทยยังได้อีก 1 ประตูจากการทำเข้าประตูตัวเองของกองหลังทีมเจ้าถิ่นช่วงท้ายเกม ชัยชนะนัดนี้ทำให้ไทยเก็บเพิ่มเป็น 9 คะแนนจาก 4 นัด ขยับขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่มดี (แม้จะแข่งมากกว่าเติร์กเมนิสถานและศรีลังกาอยู่ 1 นัด)

ผลการแข่งขันและเหตุการณ์สำคัญ

ในการเจอกันนัดนี้ ทีมชาติไทยออกนำไต้หวันตั้งแต่ต้นเกมและรักษาความได้เปรียบไว้ได้ตลอดทั้ง 90 นาที ก่อนจะจบลงด้วยสกอร์ขาดลอย 6-1 โดยมีรายละเอียดผู้ทำประตูและนาทีดังนี้:

  • นาทีที่ 4 – ธีรศักดิ์ เผยพิมาย หลุดเดี่ยวก่อนชิพบอลข้ามผู้รักษาประตูให้ ไทย ขึ้นนำ 1-0 (แอสซิสต์โดย สุภโชค สารชาติ)
  • นาทีที่ 25 – เสกสรรค์ ราตรี ยิงให้ ไทย หนีเป็น 2-0 จากจังหวะที่สุภโชค สารชาติ จ่ายทะลุช่องอย่างแม่นยำเข้าเขตโทษ
  • นาทีที่ 45+1 – สุภโชค สารชาติ ทำชิ่งหนึ่ง-สองกับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ก่อนสุภโชคหลุดเข้าไปยิงด้วยขวา ให้ ไทย นำห่าง 3-0
  • นาทีที่ 46กั๊วะ ป๋อเหว่ย กองหน้าไต้หวัน ซัดไกลด้วยขวาเข้าเสาไกล ตีไข่แตกให้ ไต้หวัน ไล่มา 1-3
  • นาทีที่ 62 – ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ชาร์จลูกเปิดเรียดจากกราบซ้ายของ สันติภาพ จันทร์หง่อม เข้าไป ให้ ไทย นำ 4-1
  • นาทีที่ 76 – ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ยิงประตูที่สามของตัวเอง (แฮตทริก) ให้ ไทย นำ 5-1 จากการจ่ายบอลไขว้หลังสุดเหนือชั้นของ สุภโชค สารชาติ
  • นาทีที่ 90+3ไทย ได้ประตูปิดกล่อง 6-1 จากจังหวะที่ สันติภาพ จันทร์หง่อม เปิดบอลฝั่งซ้ายไปแฉลบ หวง จื้อหมิง กองหลังไต้หวันเข้าประตูตัวเอง

ท้ายเกมไม่มีสกอร์เพิ่ม จบการแข่งขัน ทีมชาติไทย บุกเอาชนะ ไต้หวัน ไปอย่างท่วมท้น 6-1 เก็บสามแต้มสำคัญได้ตามเป้าหมาย พร้อมสร้างความได้เปรียบในการลุ้นเข้ารอบต่อไปของศึกเอเชียนคัพ 2027 รอบคัดเลือกกลุ่ม D

วิเคราะห์ฟอร์มทีมชาติไทยในนัดนี้

หลังจบเกมนัดนี้ ฟอร์มการเล่นของนักเตะทีมชาติไทยได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากจากแฟนบอลและนักวิเคราะห์กีฬา โดยภาพรวมถือว่าทัพช้างศึกทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งเกมรุกและเกมรับ อย่างไรก็ตาม หัวหน้าผู้ฝึกสอนอย่าง มาซาทาดะ อิชิอิ ก็ยังมองว่าทีมยังมีจุดที่ต้องปรับปรุงแม้จะถล่มคู่แข่งถึง 6-1 ต่อไปนี้คือการวิเคราะห์ฟอร์มทีมชาติไทยในด้านต่าง ๆ จากนัดนี้:

เกมรุกดุดันและเฉียบคม

เสกสรรค์ ราตรี (หมายเลข 17) ซัดประตูที่ 2 ให้ทีมชาติไทยในนาทีที่ 25 หลังรับบอลทะลุช่องจากสุภโชค สารชาติเข้าเขตโทษ

เกมรุกของทีมชาติไทยนัดนี้โดดเด่นและดุดันอย่างยิ่ง สามารถยิงได้ถึง 6 ประตูจากการเข้าทำที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ ทัพช้างศึกขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 4 จากจังหวะสวนกลับที่เฉียบคม โดยสุภโชค สารชาติแทงทะลุช่องให้ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ใช้ความเร็วหลุดแนวรับไปชิพประตูแรกอย่างเหนือชั้น แนวรุกไทยเล่นกันด้วยความมั่นใจ มีทั้งการต่อบอลบนพื้นและการใช้ความสามารถเฉพาะตัวสร้างสรรค์โอกาส เช่น สุภโชคที่จ่ายบอลสุดงามทะลุแนวรับคู่แข่งถึง 4 คนให้เสกสรรค์ หลุดเข้าไปยิงประตู 2-0 อย่างเด็ดขาดนอกจากนี้ สุภโชคยังโชว์ฟอร์มเป็นพระเอกของเกมรุก ด้วยการทำ 3 แอสซิสต์และยิง 1 ประตูในนัดนี้ ส่งผลให้การเข้าทำของไทยมีความหลากหลายและอันตรายทุกจังหวะ ไม่ว่าจะเป็นลูกทะลุช่องจากแนวลึก การทำชิ่งหนึ่ง-สองระหว่างตัวรุก (ดังเช่นจังหวะประตู 3-0 ที่สุภโชคทำชิ่งกับชนาธิป ก่อนยิงเข้าไป) หรือการเปิดจากด้านข้างเข้าทำประตู

เกมรับมีวินัย แม้มีข้อผิดพลาดเล็กน้อย

ในด้านเกมรับ แผงหลังทีมชาติไทยถือว่าเล่นกันได้อย่างมีวินัยและเหนียวแน่น พวกเขาสามารถป้องกันการบุกของไต้หวันได้เกือบตลอดทั้งเกม ทำให้เจ้าถิ่นมีโอกาสลุ้นทำประตูค่อนข้างจำกัด ตัวอย่างสำคัญคือช่วงนาทีที่ 39 ที่แนวรุกไต้หวันหลุดเดี่ยวเกือบได้ยิงจ่อ ๆ แต่ ศฤงคาร พรมสุภะ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟไทยยังตามลงมาบล็อกลูกยิงของ จอน เบนชี่ กองหน้าทีมเจ้าถิ่นไว้ได้อย่างหวุดหวิดช่วยรักษาสกอร์นำ 3-0 ไว้ได้ก่อนจบครึ่งแรก อย่างไรก็ดี เกมรับไทยมีช่วงเสียสมาธิช่วงต้นครึ่งหลัง ทำให้เสียประตูตีไข่แตกเร็วในนาทีที่ 46 จากลูกยิงไกลของ กั๊วะ ป๋อเหว่ย ซึ่งโค้ชอิชิอิเองยอมรับว่าการเสียประตูง่าย ๆ ตั้งแต่ต้นครึ่งหลังเป็นสิ่งที่ต้องนำไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป หลังจากเสียประตูดังกล่าว นักเตะไทยก็กลับมารวมสมาธิได้ดีอีกครั้ง ไม่ปล่อยให้ไต้หวันมีโอกาสเข้าทำแบบถนัดถนี่อีกเลยจนจบเกม แสดงให้เห็นถึงวินัยเกมรับและการแก้ไขสถานการณ์ที่ยอดเยี่ยมของทีม

ความฟิตและความแข็งแกร่งของนักเตะ

นักเตะทีมชาติไทยแสดงให้เห็นถึงสภาพความฟิตและความแข็งแกร่งทางร่างกายที่ดีมาก ตลอดทั้ง 90 นาทีของการแข่งขัน ผู้เล่นไทยยังคงวิ่งไล่กดดันคู่ต่อสู้อย่างต่อเนื่องและไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วลงในช่วงท้ายเกมเลย การที่ทีมยังทำประตูเพิ่มได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ (นาที 90+3) สะท้อนให้เห็นว่าความเข้มข้นในการเล่นและสภาพความฟิตของนักเตะยังคงอยู่ครบถ้วนจนวินาทีสุดท้าย โค้ชมาซาทาดะ อิชิอิได้กล่าวชมเชยนักเตะทุกคนหลังเกมว่าทุกคนทำผลงานได้ดีตลอด 90 นาทีเต็มของการแข่งขัน ซึ่งเป็นผลมาจากการเตรียมทีมที่ดีและความพร้อมของร่างกายผู้เล่นทุกคน นอกจากนี้ การโรเตชันผู้เล่นบางตำแหน่งจากนัดก่อน (เช่น การส่งศฤงคาร พรมสุภะ และ วันชัย จารุนงคราญ ลงเป็นตัวจริงแทนผู้เล่นหลักที่ได้พัก) ก็ไม่ส่งผลให้ความดุดันหรือความฟิตของทีมลดลงแต่อย่างใด ทุกคนยังคงวิ่งและปะทะได้ตลอดเกม แสดงถึงขุมกำลังเชิงลึกที่พร้อมทดแทนกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความเข้าใจแท็กติกและแผนการเล่น

ทางด้านแท็กติก ทีมชาติไทยมีการบ้านมาจากการเจอไต้หวันในนัดก่อน (ที่ไทยชนะ 2-0 ในบ้าน) ทำให้ครั้งนี้โค้ชและนักเตะสามารถวิเคราะห์คู่แข่งและวางแผนรับมือได้อย่างเฉียบขาดยิ่งขึ้น ผลคือทีมไทยเล่นได้อย่างลื่นไหลและมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม แม้ต้องมาเล่นท่ามกลางเสียงเชียร์ของกองเชียร์เจ้าถิ่นในไทเป รูปแบบการเล่น 4-2-3-1 ที่ใช้ยังคงมีความสมดุล นักเตะแต่ละคนต่างรู้หน้าที่ของตัวเองในระบบนี้เป็นอย่างดี เห็นได้จากการยืนตำแหน่งที่รัดกุมและการเปลี่ยนจากรับเป็นรุกที่รวดเร็ว ตัวอย่างเช่น แผงมิดฟิลด์อย่าง วีระเทพ ป้อมพันธุ์ และ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ คุมจังหวะเกมไว้ได้อยู่หมัด เปิดทางให้ตัวรุกอย่าง ชนาธิป และ สุภโชค มีอิสระในการสร้างสรรค์เกมรุก นอกจากนี้ การเพรสซิ่งตั้งแต่แดนบนก็เป็นอีกแท็กติกหนึ่งที่ไทยใช้ได้ผลดี เห็นได้จากจังหวะที่สุภโชคไปบีบแย่งบอลจากแนวรับไต้หวันจนสร้างโอกาสทำประตู 3-0 ให้ตัวเองได้ในที่สุด ขณะเดียวกัน การปรับหมุนเวียนผู้เล่นบางตำแหน่งที่โค้ชอิชิอิเลือกใช้ ก็เป็นไปอย่างแยบยล โดยกุนซือชาวญี่ปุ่นเผยว่าเขาเลือกนักเตะจาก “จุดแข็งของแต่ละคนเพื่อนำมาปรับใช้ในแท็กติก” และผู้เล่นทุกคนก็ประสานงานเข้ากับแผนได้อย่างลงตัวตลอดทั้งเกม ซึ่งพิสูจน์ได้จากผลงานในสนามที่ออกมา

การประสานงานและทีมเวิร์กที่ลงตัว

การประสานงานระหว่างผู้เล่นทีมชาติไทยในแมตช์นี้ถือว่าลงตัวและน่าประทับใจอย่างยิ่ง นักเตะแต่ละคนเล่นเข้าขากันได้ดี ช่วยกันรุกช่วยกันรับเป็นทีมเดียวกัน ส่งผลให้รูปเกมโดยรวมของทีมไทยไหลลื่นและมีประสิทธิภาพ หลายจังหวะการทำเกมรุกแสดงถึงทีมเวิร์กที่ยอดเยี่ยม ยกตัวอย่างเช่น ประตู 2-0 ที่สุภโชค สารชาติ จ่ายบอลทะลุช่องตัดแนวรับไต้หวันถึง 4 คน ให้เสกสรรค์ ราตรี หลุดเข้าไปยิงอย่างเฉียบคม หรือประตู 3-0 ที่เกิดจากการทำชิ่งหนึ่ง-สองระหว่างสุภโชคกับชนาธิป ก่อนที่สุภโชคจะหลุดไปจิ้มบอลผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไป จังหวะเหล่านี้แสดงถึงความเข้าใจในการเคลื่อนที่และการยืนตำแหน่งร่วมกันของผู้เล่นไทยได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ การประสานงานระหว่างผู้เล่นด้านกว้างกับกองหน้าก็ทำได้ดีมาก แบ็กซ้ายอย่าง สันติภาพ จันทร์หง่อม เติมเกมรุกขึ้นมาเปิดบอลให้ธีรศักดิ์ทำประตูได้ถึง 2 ครั้งในครึ่งหลัง (หนึ่งในนั้นบอลไปแฉลบกองหลังคู่แข่งเข้าประตู) ขณะที่ สุภโชค สารชาติ และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ก็ผสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยมในการสร้างสรรค์เกมรุกตรงกลางและริมเส้น โดยรวมแล้ว ทีมชาติไทย แสดงให้เห็นถึงทีมเวิร์กและความเข้าใจกันในสนามที่ยอดเยี่ยม ผู้เล่นทุกคนต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกันทั้งเกมรุกและเกมรับ ทำให้ฟอร์มการเล่นโดยรวมออกมาน่าประทับใจและคว้าชัยชนะได้อย่างยิ่งใหญ่ในนัดนี้

สรุปผลงาน: นัดนี้ทีมชาติไทยทำผลงานได้อย่างโดดเด่น สมกับสกอร์ถล่มทลาย 6-1 ทั้งเกมรุกที่ดุดันเฉียบคมและเกมรับที่แข็งแกร่งมีวินัย แม้จะมีช่วงเสียสมาธิจนโดนยิง 1 ลูก แต่ภาพรวมยังถือว่ายอดเยี่ยมในทุกมิติ ความฟิตของนักเตะและทีมเวิร์กที่ลงตัวช่วยให้ไทยรักษามาตรฐานการเล่นระดับสูงตลอดทั้งเกม ชัยชนะนัดนี้ไม่เพียงเพิ่มความมั่นใจให้กับทัพช้างศึกในการลุ้นเข้ารอบต่อไป แต่ยังเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าทีมชาติไทยชุดนี้กำลังลงตัวทั้งแท็กติกและฟอร์มการเล่น ซึ่งแฟนบอลชาวไทยคงตั้งตารอชมผลงานอันยอดเยี่ยมเช่นนี้ในนัดต่อ ๆ ไปอย่างใจจดใจจ่อ