12/10/2025

MongGame.com

เกาะติดทุกเกมฟุตบอล พร้อมบทวิเคราะห์เจาะลึก กับมุมมองที่เหนือกว่า

แพ้แบบหมดทรง เมื่ออิชิอิยังหาทางไม่เจอ และทีมชาติไทยก็ไม่ต่างอะไรกับการทดลอง

แพ้แบบหมดทรง เมื่ออิชิอิยังหาทางไม่เจอ และทีมชาติไทยก็ไม่ต่างอะไรกับการทดลอง

เติร์กเมนิสถาน พบ ทีมชาติไทย

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ทีมชาติไทย (FIFA อันดับ 99 ของโลก) บุกไปพ่ายทีมชาติเติร์กเมนิสถาน (FIFA อันดับ 142) 1-3 ในศึกเอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก นัดที่ 2โดยเกมสำคัญต่างๆ มีดังนี้

  • นาที 0:36: ทีมเจ้าบ้านขึ้นนำก่อน 1-0 จากลูกเปิดยาวไปที่ ติตอฟ มิฮาอิล ตัวรุกเติร์กฯ วอลเลย์ยิงเข้าไป
  • นาที 35: ไทยตีเสมอ 1-1 จากลูกฟรีคิกข้างกรอบเขตโทษฝั่งขวา วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ เปิดให้ ศุภชัย ใจเด็ด โขกเข้าไป
  • นาที 37: เติร์กเมนิสถานกลับขึ้นนำ 2-1 อย่างรวดเร็ว เมื่อ ชานาซาร์ ติร์คิชอฟ เลี้ยงบอลลากตัดจากปีกขวาเข้าเขตโทษ ก่อนจ่ายให้ ยิลอาส ซาปาร์มัมเมดอฟ ยิงเข้าไปง่ายๆ
  • นาที 66: เติร์กเมนิสถานได้ประตูปิดท้าย 3-1 จากลูกเตะมุมที่ เมกาน ซาปารอฟ โหม่งส่งบอลเข้าประตู

ทั้งนี้ ทีมชาติไทยมี Chanathip Songkrasin เป็นตัวรุกสำคัญ แต่เขาไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้และถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 66 สรุปแล้ว แม้ไทยจะมีช่วงขึ้นมาได้ประตูตีเสมอ แต่โดยรวมเกมรุกไม่เฉียบคม ขณะที่เกมรับมีจุดอ่อนชัดเจน จึงเสียประตูไปอีกสองครั้งและแพ้ 1-3

การจัดตัวและแท็กติกของมาโกโตะ อิชิอิ

โค้ช มาซาทาดะ อิชิอิ จัดระบบการเล่นแบบ 4-2-3-1 โดยใช้ ศุภชัย ใจเด็ด เป็นหน้าเป้าตัวเดียว ขณะที่แผงกลางริมเส้นและตัวรุกประกอบด้วย ชนาธิป สรงกระสินธ์, เอกนิษฐ์ ปัญญา และ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ แผงกองกลางสองตัวประกอบด้วย พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี กับ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ระบบนี้ถูกเลือกเนื่องจากไทยขาดตัวรุกคนสำคัญหลายราย (เช่น ธีราทร บุญมาทัน, สุพรรณ เล้งสามชัย) จากเกมก่อนหน้า แม้ว่าจะเน้นเกมกดดัน แต่ปรากฏว่ายังเคลื่อนบอลได้ไม่ไหลลื่นนัก การเปลี่ยนตัวของอิชิอิในเกมนี้มีหลายครั้ง ได้แก่ นาทีที่ 59 เปลี่ยน ปรเมศย์ อาจวิไล ลงมาแทน เอกนิษฐ์ ปัญญา, นาที 63 ส่ง เบนจามิน เดวิส และ พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล แทน ชนาธิป สรงกระสินธ์ กับ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ และต่อมา นาที 74 เปลี่ยน สันติภาพ จันทร์หง่อม ลงแทน ศุภนันท์ บุรีรัตน์, นาที 78 ส่ง กรวิชญ์ ทะสา ลงแทน เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ทั้งหมดเป็นการพยายามเสริมความสดในแดนกลางและเกมรุก แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนทิศทางของเกมได้

นักวิเคราะห์หลายคนชี้ว่า การจัดตัวของอิชิอิมีประเด็นให้ถกเถียง เช่น การเปลี่ยนตัวยกชุดจากเกมอุ่นเครื่องชนะอินเดีย ซึ่งหมายถึงผู้เล่นตัวหลัก 5-6 รายไม่ได้ลงสนาม ทำให้ความเข้าใจในทีมขาดความต่อเนื่องอีกทั้งอิชิอิเลือกไม่ส่ง เบนจามิน เดวิส หรือ พิธิวัตต์ ออกสตาร์ท ทำให้เกมกลางสนามขาดความกระชับ นอกจากนี้ แนวรับที่อิชิอิเลือกใช้ก็ถูกวิจารณ์ว่าอ่อนช้าทั้งคู่ เนื่องจากมีประสบการณ์น้อย ส่งผลให้ประสานงานกันไม่ดี

ปัญหาที่เห็นได้ชัดของทีมชาติไทย

  • เกมรับที่เปราะบาง: เกมรับของไทยมีปัญหาอย่างชัดเจน จนนำไปสู่ความผิดพลาดง่ายๆ ในการป้องกัน โดยเฉพาะคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟอย่าง ชินภัทร์ ลีเอาะ และ เอเลียส ดอเลาะ ที่ทำหน้าที่ได้เชื่องช้าและประสานกันไม่ดี ผลคือเสียประตูอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นเกม และเสียประตูจากลูกเซตพีซบ่อยครั้ง
  • แนวรุกขาดมิติและแรงจูงใจ: เกมรุกของทีมชาติไทยไม่มีแนวทางที่หลากหลายและขาดความสร้างสรรค์ ผู้เล่นดูขาดความกระหายชัยชนะ ไม่มีพลังวิ่งทะลุทะลวง ในหลายช่วงยังเล่นแบบเซื่องซึม โดยเฉพาะหลังถูกนำห่าง 1-3 ก็ยังไม่เร่งเกม แม้จะมีตัวรุกชั้นนำแต่ไม่มีแรงกระตุ้นทำให้จังหวะเข้าทำขาดจินตนาการ
  • แดนกลางไร้ความต่อเนื่อง: แดนกลางไทยที่มี พีรดนย์ จับคู่กับ วรชิต แม้ทั้งคู่จะทุ่มเท แต่ปัญหาคือออกบอลช้า ทำให้จังหวะเกมติดขัดเป็นระยะ แทนที่จะใช้ประโยชน์จากการพลิกบอลสั่งเกม กลับถูกวิจารณ์ว่าเลือกใช้ผู้เล่นที่เหมาะสมกว่า (เช่น พิธิวัตต์) ได้ดีกว่า
  • ฟอร์มแกนหลักและสำรองตกต่ำ: ผู้เล่นตัวหลักหลายคนทำผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน ชนาธิปฯ ยังไม่ทันฟื้นฟอร์ม (แม้สภาพสนามอาจมีส่วน) และ เอกนิษฐ์ กับ เจริญศักดิ์ ก็ยังหาจังหวะเข้าทำได้ไม่ดี เนื่องจากขาดเกมจริงในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันตัวสำรองที่ลงมาในครึ่งหลัง เช่น ปรเมศย์, เบนจามิน, พิธิวัตต์, กรวิชญ์, สันติภาพ ต่างก็ไม่สามารถพลิกเกมให้ดีขึ้นได้ แสดงให้เห็นว่าสถาบันนักเตะทีมชาติยังขาดความลึกเพียงพอที่จะทดแทนผู้เล่นฟอร์มไม่ดีได้

กระแสตอบรับจากแฟนบอลและสื่อ

หลังเกมมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งสื่อและแฟนบอลอย่างหนัก โดย ไทยพีบีเอส รายงานว่า โค้ช อิชิอิ ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักเรื่องการจัดตัวและการแก้เกม ส่วนสำนักข่าวกีฬาอย่าง สยามกีฬา ออกบทวิเคราะห์ถึง “5 จุดบอด” สำคัญของทีมชาติไทยหลังจบเกมนี้ ครอบคลุมประเด็นตั้งแต่สนามหญ้าเทียม การจัดตัวที่เปลี่ยนไปหมด ความอ่อนแอของเกมรับ ความไม่ต่อเนื่องของเกมรุก และตัวสำรองที่ไม่สามารถเปลี่ยนเกมได้ นอกจากนี้ บรรดาแฟนบอลบนโซเชียลมีเดียต่างแสดงความผิดหวังอย่างกว้างขวาง วิพากษ์วิจารณ์ผลงานต่ำกว่ามาตรฐานและเรียกร้องให้ทีมปรับปรุงโดยด่วน

ผลกระทบต่ออนาคตทีมชาติไทย

ผลการแข่งขันนัดนี้มีผลกระทบอย่างสำคัญต่อเส้นทางคัดเลือกและทิศทางของทีมโดยรวม เนื่องจากตอนนี้เติร์กเมนิสถานนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม ดี มี 6 แต้ม ส่วนไทยมี 3 แต้มตามมา อีกทั้ง รอบคัดเลือกเอเชียนคัพจะผ่านแค่ทีมอันดับ 1 ของกลุ่ม เท่านั้น ดังนั้นไทยจึงต้องชนะในเกมที่เหลือทั้งหมด โดยจะพบ ไต้หวัน เหย้า เยือนในเดือน ต.ค. นี้ เพื่อรักษาโอกาสเข้ารอบ มิฉะนั้นอาจตกรอบเพราะทุกเกมที่เหลือพลาดไม่ได้อีกแล้ว ในแง่มุมระยะยาว ผลงานที่น่าผิดหวังครั้งนี้อาจส่งผลต่ออันดับโลกด้วย โดยสื่อหลายสำนักระบุว่าไทยมีโอกาสหลุดจาก 100 อันดับแรกหากผลงานยังไม่ดีขึ้น ทั้งยังเพิ่มแรงกดดันต่ออนาคตของกุนซือ มาโกโตะ อิชิอิ ด้วย เนื่องจากสถานการณ์คัดเลือกที่ยากขึ้นและเสียงวิจารณ์จากแฟนบอลและสื่อมากขึ้นอย่างชัดเจนแม้จะมีเวลาให้ทำผลงานใน คิงส์ คัพ เดือนกันยายนก่อนกลับมาลงเตะคัดเอเชียนคัพกับ ไต้หวัน แต่ทีมชาติไทยจำเป็นต้องรีบปรับปรุงทุกด้านเพื่อโอกาสผ่านเข้ารอบสุดท้ายในปี 2027 ที่ ซาอุดีอาระเบียต่อไป