
เอเอฟซี ผู้คุมเกมลูกหนังเอเชีย เบื้องหลังดราม่า บุรีรัมย์ฯ ปะทะทีมจีน
เมื่อไม่นานมานี้ “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” แชมป์ไทยลีกซีซั่นก่อน ถูกจับสลากพบกับสโมสรเจอร์เจียง จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ในเกมกระชับมิตรระดับนานาชาติ แต่กลับเกิดเหตุการณ์ปะทะหนักจนแข้งทีมชาติไทยได้รับบาดเจ็บถึงสองราย และสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงมาตรฐานการจัดการแข่งขันอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ แฟนบอลต่างสงสัยว่า “ใครกันแน่ที่รับผิดชอบ ดูแล และควบคุมเกมระดับเอเชียทั้งหมด” คำตอบนั่นก็คือ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (AFC)
เหตุใดแฟนบอลไทยจึงเรียกร้องคำตอบจากเอเอฟซี
การแข่งขันกระชับมิตรนานาชาติระหว่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับสโมสรเจอร์เจียง ไม่ใช่แมตช์ที่แฟนบอลทั่วเอเชียจับตามองมากที่สุด แต่เหตุการณ์ปะทะเข้มข้น กลายเป็นชนวนให้ผู้ชมในสนามและนอกสนามลุกขึ้นตั้งคำถามต่อ AFC ซึ่งเป็นองค์กรสูงสุดด้านฟุตบอลในทวีปเอเชีย ว่าทำหน้าที่คุมกฎกติกา และรับประกันความปลอดภัยของนักเตะอย่างไร รวมถึงมาตรฐานการคัดเลือกกรรมการ การอบรมผู้ตัดสิน และการจัดการเหตุด่วนเหตุร้ายในสนามแข่งขัน จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรงบนโลกโซเชียลมีเดีย
ที่มาของ AFC กว่าจะมาเป็นผู้ดูแลฟุตบอลเอเชีย
- พ.ศ. 2495 (ค.ศ. 1952)
ในโอลิมปิกเกมส์ที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ตัวแทนสมาคมฟุตบอลจากหลายชาติในเอเชีย ลงขันปรึกษาหารือแนวทางการก่อตั้งองค์กรฟุตบอลระดับทวีป เพื่อป้องกันไม่ให้ทวีปเราเป็น “ขาลง” ในเวทีโลก - พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954)
ในงานเอเชียนเกมส์ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ตัวแทนจาก 12 ประเทศ ได้แก่ อัฟกานิสถาน, อินเดีย, ปากีสถาน, สิงคโปร์, ไทย, อิรัก, ฟิลิปปินส์, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, เนปาล, ศรีลังกา และเกาหลีใต้ ลงมติก่อตั้ง “Asian Football Confederation” ขึ้นอย่างเป็นทางการ - พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958)
ขยายสมาชิกเป็น 35 ประเทศ จากการประชุมเอเชียนเกมส์ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น - พ.ศ. 2509 (ค.ศ. 1966)
FIFA ยอมรับความสำคัญของ AFC โดยตั้ง “เลขานุการเอเชีย” ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านงบประมาณ และบุคลากรคนแรกคือคุณ Khow Eve Turk - พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967)
การประชุมฉาวที่กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน มีมตินำจีนแดงเข้าสมาชิก แทนอิสราเอล เนื่องจาก “เหตุผลทางการเมือง” - พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976)
สัมมนาที่ประเทศมาเลเซีย มติขับไล่ไต้หวันออกจากสมาชิก เปิดทางให้จีนแดงเข้าเป็นตัวแทนเพียงชาติเดียวของจีน
โครงสร้างสมาชิกปัจจุบันของ AFC 47 ประเทศ แบ่งออกเป็น 5 ภูมิภาคหลัก
ในปัจจุบัน สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (AFC) มีชาติสมาชิกทั้งสิ้น 47 ประเทศ โดยถูกแบ่งออกตามภูมิภาค เพื่อให้การจัดการ การแข่งขัน และการพัฒนาฟุตบอลดำเนินไปอย่างมีระบบ ดังนี้:
- สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (AFF)
ประกอบด้วย 12 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย, บรูไน, กัมพูชา, อินโดนีเซีย, ลาว, มาเลเซีย, พม่า, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไทย, ติมอร์-เลสเต และเวียดนาม ถือเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตด้านฟุตบอลอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการพัฒนาเยาวชนและฟุตบอลอาชีพ - สหพันธ์ฟุตบอลเอเชียกลาง (CAFA)
กลุ่มนี้ประกอบด้วย 6 ประเทศ ได้แก่ อัฟกานิสถาน, อิหร่าน, คีร์กีซสถาน, ทาจิกิสถาน, เติร์กเมนิสถาน และอุซเบกิสถาน โดยเป็นภูมิภาคที่มีภูมิศาสตร์ติดกับยุโรป และมีการพัฒนาด้านเทคนิคฟุตบอลอย่างน่าสนใจ - สหพันธ์ฟุตบอลเอเชียตะวันออก (EAFF)
ประกอบด้วย 10 ประเทศ ได้แก่ จีน, ไทเป (ไต้หวัน), เกาหลีเหนือ, กวม, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, มาเก๊า, มองโกเลีย และหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา เป็นกลุ่มที่มีความแข็งแกร่งทางด้านเทคโนโลยีและมีลีกอาชีพระดับสูง โดยเฉพาะญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ - สหพันธ์ฟุตบอลเอเชียใต้ (SAFF)
กลุ่มนี้มี 7 ประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ, ภูฎาน, อินเดีย, มัลดีฟส์, เนปาล, ปากีสถาน และศรีลังกา เป็นภูมิภาคที่ยังอยู่ในช่วงพัฒนา แต่มีฐานแฟนบอลขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในอินเดีย - สหพันธ์ฟุตบอลเอเชียตะวันตก (WAFF)
มีจำนวนสมาชิก 12 ประเทศ ได้แก่ บาห์เรน, อิรัก, จอร์แดน, คูเวต, เลบานอน, โอมาน, ปาเลสไตน์, กาตาร์, ซาอุดีอาระเบีย, ซีเรีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเยเมน ถือเป็นภูมิภาคที่มีประสบการณ์ในเวทีระดับนานาชาติสูง และมีสโมสรที่มีงบประมาณมหาศาล
การแบ่งภูมิภาคเหล่านี้ ทำให้ AFC สามารถบริหารจัดการทัวร์นาเมนต์ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างชาติที่พัฒนาแล้วกับชาติที่ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น และยังเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันโครงการพัฒนาฟุตบอลในแต่ละระดับให้เติบโตไปพร้อมกันทั่วทั้งทวีปเอเชีย.
บทบาทหน้าที่สำคัญของ AFC
- จัดการแข่งขันระดับทวีป
- เอเอฟซี เอเชียน คัพ และ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก
- ยู-23 เอเชียน คัพ, เอเอฟซี ฟุตซอล แชมเปี้ยนชิพ, เอเอฟซี ยู-19 และ ยู-16 แชมเปี้ยนชิพ
- ควบคุมกฎกติกาและมาตรฐานผู้ตัดสิน
- อบรมและให้ใบอนุญาตผู้ตัดสินระดับทวีป
- ตรวจสอบคุณภาพ VAR และเทคโนโลยีช่วยตัดสิน
- พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและกีฬาฟุตบอลอาชีพ
- สนับสนุนโครงการ “AFC Grassroots” และ “AFC Women’s Football Development”
- ร่วมมือกับรัฐบาล ประเทศสมาชิก และองค์การระหว่างประเทศ
- การรับรองสมาชิกและการแก้ไขข้อพิพาททางการเมือง
- ควบคุมคุณสมบัติสโมสร ทีมชาติ และสมาคมสมาชิก
- มีอำนาจตัดสินใจเข้ารับหรือขับไล่สมาชิก (เช่น กรณีอิสราเอล, ไต้หวัน)
- ส่งเสริมความรับผิดชอบสังคม (CSR)
- โครงการ “Football for Health” และ “Football for Peace”
- รณรงค์ต้านเหยียดสีผิว และสวัสดิภาพน้องๆ เยาวชน
ดราม่าบุรีรัมย์ฯ VS ทีมจีน ทำไมแฟนบอลโวยหาคนรับผิดชอบ
ในแมตช์กระชับมิตรที่บุรีรัมย์ฯ เป็นเจ้าบ้าน แต่มีการปะทะรุนแรงในกรอบเขตโทษจนสองแข้งไทยชุดใหญ่ได้รับบาดเจ็บจากการสกัดไม่สมควร ทำให้กระแสแฟนบอลเรียกร้องให้ เอเอฟซี ออกมาชี้แจงถึง:
- มาตรฐานการคัดเลือกทีมเยือนและความเหมาะสมของโปรแกรม
- การอบรมผู้ตัดสิน และการนำเทคโนโลยี VAR มาใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า
- บทลงโทษที่ชัดเจนต่อผู้ก่อเหตุ ใช้ “Fair Play” อย่างจริงจัง
แฟนบอลบางส่วนตั้งคำถามว่า “ถ้าเป็นเกม AFC Champions League หรือ Asian Cup จะปลอดภัยกว่านี้หรือไม่?” ขณะที่อีกฝั่งมองว่า “เอเอฟซีไม่อาจเข้าไปควบคุมตารางหรือรูปแบบเกมอุ่นเครื่องของสโมสรได้เต็มร้อย เพราะเป็นแมตช์นอกโปรแกรมแข่งรอบแบ่งกลุ่มระดับทวีป” ดังนั้นการสอบทานกรณีนี้จึงกลายเป็นบททดสอบใหญ่ของสมาพันธ์ว่า จะรักษาบทบาทการเป็นผู้กำกับดูแลเกมลูกหนังเอเชียได้อย่างไร
ความท้าทายและอนาคตของ AFC
- การขยายตัวของฟุตบอลโปรลีกในเอเชีย
ไทยลีก เจลีก เกาหลี เจลีก และลีกจีน ต่างเติบโตเร็ว มีเงินลงทุนมหาศาล แต่พร้อมกับความเสี่ยงเรื่อง เดิมพันกีฬา และ กองเชียร์หัวรุนแรง - การใช้เทคโนโลยี VAR และ Data Analytics
เพื่อลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความน่าเชื่อถือในการตัดสิน นับเป็นโจทย์สำคัญที่ AFC ต้องประสานกับ FIFA และบริษัทด้านเทคโนโลยี - การยกระดับฟุตบอลหญิงและฟุตซอล
กระแสฟุตบอลหญิงโลกกำลังมาแรง เอเอฟซีต้องจับมือกับทุกชาติสมาชิกเพื่อสร้างเวทียู-20, ยู-17 และทัวร์นาเมนต์ระดับอาเซียนให้เข้มข้นยิ่งขึ้น - การจัดการแข่งขันในภูมิภาคที่มีข้อพิพาททางการเมือง
บางประเทศยังมีปัญหาระหว่างกัน การแบ่งโซนจัดแข่งให้เหมาะสม จึงเป็นโจทย์เชิงโลจิสติกส์และการทูต
สรุป: แฟนบอลอยากเห็นอะไรจาก AFC?
- ความโปร่งใสในการจัดโปรแกรม
- การลงโทษผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด
- มาตรฐานการตัดสินที่ยุติธรรม
- การพัฒนาเกมเยาวชน และฟุตบอลอาชีพในทุกภูมิภาค
ดราม่า “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด vs ทีมจีน” อาจเป็นเพียงหนึ่งในหลายเหตุการณ์ที่สะท้อนภาพรวมของฟุตบอลเอเชีย แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนว่า AFC ต้องยืนหยัดในฐานะผู้คุมเกมอย่างแข็งขัน พร้อมทั้งสร้างสมดุลระหว่างการแข่งขัน ระเบียบวินัย และการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อให้ทวีปเอเชียก้าวขึ้นสู่ระดับแนวหน้าของโลกฟุตบอลต่อไปจึงเป็นเวลาที่แฟนบอลชาวไทยและทั่วเอเชีย ตื่นตัวจับตาดูทิศทางการบริหารของ AFC มากกว่าที่เคย
More Stories
โค้ชวังยิ้ม ไทย U23 ไล่ถลุงมองโกเลีย 6-0 เปิดหัวคัดเอเชียอย่างเร้าใจ
พรีเมียร์ลีกคึกคัก เปิดโพยดีลวันสุดท้าย ใครเสริมโหด ใครวืดน่าเศร้า
จากความหวังสู่ความห่วง ทำไมแมนฯ ยูไนเต็ด ยังหาฟอร์มไม่เจอในฤดูกาลใหม่