
ตลาดซื้อขายและเตรียมทีม พรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีกอังกฤษฤดูกาล 2025/26 กำลังใกล้เปิดฉากแข่งขันในวันที่ 16 สิงหาคม 2025 โดยล่าสุดตารางแข่งจะถูกประกาศในวันที่ 18 มิถุนายน 2025 ปีนี้มี 20 สโมสรเข้าร่วม โดยสโมสรเลื่อนชั้น 3 ทีม ได้แก่ เบิร์นลีย์, ลีดส์ ยูไนเต็ด และซันเดอร์แลนด์ (หลังเลื่อนชั้นจากแชมเปี้ยนชิพ) จะกลับมาเล่นในลีกสูงสุดอีกครั้งในปีนี้. สโมสรกำลังเตรียมทีมด้วยการเซ็นนักเตะใหม่และปล่อยผู้เล่นเก่า พร้อมทั้งเปลี่ยนแปลงโค้ชในบางทีม พร้อมกับเตรียมความพร้อมพรีซีซั่น ซึ่งส่วนใหญ่กลับมาซ้อมช่วงต้นเดือนกรกฎาคม และบางทีมเดินทางไปทัวร์พรีซีซั่นต่างประเทศ เช่น Premier League Summer Series เริ่มแข่ง 26 กรกฎาคม ก่อนเปิดฤดูกาลจริงกลางสิงหาคม
กำหนดการสำคัญก่อนเปิดฤดูกาล
- 16 สิงหาคม 2025: ฤดูกาล 2025/26 ของพรีเมียร์ลีกจะเปิดสนาม (เปิดฤดูกาล)
- 18 มิถุนายน 2025: พรีเมียร์ลีกประกาศโปรแกรมการแข่งขันฤดูกาลใหม่ผ่านเว็บไซต์ทางการ (Fixture Release)
- 1 กรกฎาคม 2025: สโมสรพรีเมียร์ลีกส่วนใหญ่กลับมาซ้อมเตรียมพรีซีซั่น
- 26 กรกฎาคม 2025: เริ่มแข่งขัน Premier League Summer Series (ทัวร์นาเมนต์พรีซีซั่นในสหรัฐฯ มี บอร์นมัธ, เอฟเวอร์ตัน, แมนฯยู, เวสต์แฮม ร่วมทัวร์นาเมนต์)
โค้ชใหม่ที่น่าสนใจ
- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: แต่งตั้ง รูเบน อามอริม (Ruben Amorim) อดีตโค้ชสปอร์ติง ลิสบอน เป็นกุนซือคนใหม่ของทีม โดยจะเข้ารับตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน 2024 (เซ็นสัญญาจนถึง มิ.ย. 2027) เพื่อแทน เอริค เทน ฮาก ที่ถูกปลดออก
- เบิร์นลีย์: เลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกพร้อมกับได้ สกอตต์ พาร์คเกอร์ (อดีตกุนซือฟูแล่มและบอร์นมัธ) เป็นเฮดโค้ชคนใหม่ตั้งแต่กลางปี 2024 (เข้ามารับช่วงต่อจาก วินเซนต์ กอมปานี ที่ย้ายไปคุมทีมบาเยิร์น มิวนิค)
- คริสตัล พาเลซ: หลัง รอย ฮ็อดจ์สัน ลาออกกลางฤดูกาล 2023/24 สโมสรได้แต่งตั้ง โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ กุนซือชาวออสเตรีย (อดีตโวล์ฟสบวร์ก) เข้ามารับงานเป็นเฮดโค้ชคนใหม่
- ทีมอื่นๆ เช่น เชลซี (เอ็นโซ มาร์เซก้า เข้ามาตั้งแต่ต้นฤดูกาล 2024/25), แมนฯซิตี้ (เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังคุมทีมจนจบฤดูกาล), ลีดส์ ยูไนเต็ด (มาร์เซโล่ เบิชเชีย หรือตามการแต่งตั้งล่าสุด) ยังคงโค้ชเดิมจากฤดูกาลที่ผ่านมา
สรุปการซื้อขายผู้เล่นรายสโมสร
อาร์เซนอล: ยังไม่มีการเสริมทัพรายใหม่ที่ชัดเจน แต่ปล่อยแข้งเก๋าออกมากมาย ได้แก่ ฌอร์จินโญ่ (ย้ายไปเล่นกับ แฟลเมงโก้ ฟรี), เนโต กลับไปร่วมทีมบอร์นมัธหลังหมดสัญญายืม, ราฮีม สเตอร์ลิง กลับ เชลซี หลังสัญญายืมสิ้นสุด, เคียแรน เทียร์นีย์ (ย้ายไปเซลติก), และ นูโน่ ทาเวเรส (ย้ายไป ลาซิโอ) การปล่อยตัวแข้งประสบการณ์ทำให้ กุนซือ มิเกล อาร์เตต้า ต้องจัดระบบแดนกลางใหม่เพื่อรักษาความลึกของทีม
แอสตัน วิลล่า: เสริมทีมด้วย ยาซิน โอซคาน แบ็คซ้ายดาวรุ่งจาก คาซิมปาซ่า (ตุรกี) ส่วนผู้รักษาประตู โรมัน โอลเซ่น ถูกปล่อยตัวออกจากทีม (สิ้นสุดสัญญา) การเติม โอซคาน เข้ามาช่วยเพิ่มทางเลือกริมเส้นฝั่งซ้าย
บอร์นมัธ: คว้า เอลี จูเนียร์ ครูปี ปีกดาวรุ่งจาก ลอริยองต์ เข้ามาเสริมแนวรุก และรับตัว เนโต (ปีกดาวรุ่งจากอาร์เซนอล) กลับคืนทีมหลังหมดสัญญายืมขณะเดียวกันปล่อย เดยัน ฮุยเซ่น กองหลังเจ้าของค่าตัว 50 ล้านปอนด์ ไปเรอัล มาดริด และขาย เจดอน แอนโธนี่ ให้เบิร์นลีย์ ซึ่งเป็นการเสียกองหลังสำคัญไปทีมใหญ่อย่างเรอัล มาดริด แต่ได้กำไรทางการเงินมหาศาล
เบรนท์ฟอร์ด: เสริมแนวรับกับแนวรุกด้วย ไมเคิล คาย็อโด (แบ็คขวาจาก ฟิออเรนติน่า) และ โรเมลล์ โดโนแวน (กองหน้าวัยรุ่นจาก เบอร์มิงแฮม) รวมถึงดึง โควาฮีน เคลเลเฮอร์ ผู้รักษาประตูสำรองของลิเวอร์พูล มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 18 ล้านปอนด์ ด้านการปล่อยตัว เบรนท์ฟอร์ดเสียมือกาวตัวหลัก มาร์ค เฟล็กเค่น ให้ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น รวมถึงปล่อย เบน มี (แข้งอาวุโส) สิ้นสุดสัญญา การปรับปรุงแผงหลัง โดยเฉพาะผู้รักษาประตูใหม่ แสดงถึงทิศทางการเสริมทัพสร้างความมั่นใจ
ไบรท์ตัน: ได้ ทอม วัตสัน กองกลางดาวรุ่งจาก ซันเดอร์แลนด์ (ค่าตัว 10 ล้านปอนด์) และ ยุน โด-ยัง จากทีมแดจอน ในเกาหลีใต้sเข้ามาเสริมทีม อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีผู้เล่นหลักรายใดย้ายออก (ไม่มีรายชื่อผู้ย้ายออก) ไบรท์ตันเน้นเสริมแข้งดาวรุ่งเป็นทุนเดิม เสริมความแข็งแกร่งในแผงกองกลาง
เบิร์นลีย์: หลังเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีก ได้ สกอตต์ พาร์คเกอร์ มาคุมทีม และเสริมผู้เล่นใหม่ถึง 4 รายคือ บาชีร์ ฮัมฟรีย์ (จากเชลซี), เจดอน แอนโธนี่ (จากบอร์นมัธ), มาร์คัส เอ็ดเวิร์ดส์ (จาก สปอร์ติง ลิสบอน) และ เซียน เฟลมมิ่ง (จาก มิลล์วอลล์) ขณะเดียวกันเสียผู้เล่นเก่า ได้แก่ นาธาน เรดมอนด์, จอนโจ เชลวีย์ ที่หมดสัญญา และ เจเรมี่ ซาร์เมนโต้ สไตรเกอร์เช่าที่กลับไบร์ทตัน พาร์คเกอร์จึงมีโอกาสปรับโฉมทีมใหม่ด้วยนักเตะเด็กและฟอร์มแรงเพื่อให้ทันเพลย์ออฟ (และเลื่อนชั้น)
เชลซี: ดึงแข้งอนาคตไกลหลายคนมาเสริมทีม ได้แก่ เลียม เดลัป กองหน้าดาวรุ่งจาก อิปสวิช (30 ล้านปอนด์), เอสเตฟาว วีลเลียน มิดฟิลด์จาก เปาลิสตา (29.1 ล้านปอนด์), ดาริโอ เอสซูกู แนวรุกเด็กโฮม (จาก สปอร์ติง ลิสบอน), และดึง ราฮีม สเตอร์ลิง กลับคืนหลังสัญญายืมจากอาร์เซนอลหมด ขณะเดียวกันปล่อย บาชีร์ ฮัมฟรีย์ ดาวรุ่งปีกขวา ให้เบิร์นลีย์ การเซ็นสัญญากับดาวรุ่งและนักเตะอนาคต ทำให้เชลซีที่มี เอ็นโซ มาร์เซก้า เป็นโค้ชต้องเน้นพัฒนานักเตะหน้าใหม่ไปพร้อมกัน
คริสตัล พาเลซ: ยังไม่มีการเสริมทัพรายใหญ่เข้าทีม (ไม่มีรายชื่อผู้เล่นเข้า) ส่วนผู้เล่นที่ปล่อยออกมี จอย วอร์ด และเจฟฟรีย์ ชลุปป์ ทั้งคู่ยุติสัญญากับทีม (released) การปรับเปลี่ยนโค้ชมาเป็น โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ (พึ่งรับงาน) อาจหมายถึงการรีเฟรชทีมใหม่ แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการเซ็นผู้เล่นใหม่แต่อย่างใด
เอฟเวอร์ตัน: เสริมทัพด้วย ชาลี อัลการาซ กองกลางตัวรุกจาก ฟลาเมงโก้ (12.6 ล้านปอนด์) ขณะเดียวกันปล่อยผู้เล่นหลายราย อาทิ อับดูลาย ดูกูเร่, แอชลี่ย์ ยัง, อาสเมียร์ เบโกวิช, โจอา วีร์จิเนีย (สิ้นสุดสัญญา), รวมถึงปล่อยแข้งยืมตัวกลับต้นสังกัด เช่น แจ็ค แฮร์ริสัน (กลับลีดส์), เยสเปอร์ ลินด์สตรอม (กลับนาโปลี), โอเรล มังกาล่า (กลับลียง), อาร์มันโด้ โบรย่า (กลับเชลซี) เป็นการปรับทีมครั้งใหญ่ของกุนซือ แซม อัลลาไดซ์ ที่เน้นแลกตัวเก๋าออกไปและเสริมผู้เล่นใหม่สายเลือดเยาวชน
ฟูแล่ม: ไม่มีการเสริมทัพรายใหญ่เข้าทีม (ยังว่างในช่องซื้อ) ส่วนผู้เล่นที่ปล่อยออกคือ คาร์ลอส วินิซิอุส และ วิลเลียน สองตัวรุกที่สิ้นสุดสัญญาและถูกปล่อยตัว ฟูแล่มยังคงนโยบายให้ทีมโค้ชเก่า (มาร์โก้ ซิลวา) จัดการปรับโครงสร้างทีมต่อไป
ลีดส์ ยูไนเต็ด: ยังคงไม่มีการซื้อผู้เล่นใหม่เข้ามา (ยังว่าง) ผู้เล่นที่ปล่อยออกจากทีมมี โจซูอา กีลาโวกี ที่เป็นผู้เล่นสำรองหมดสัญญา ทีมเน้นเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูกาลใหม่อาจมุ่งปรับทีมภายในเป็นหลัก
ลิเวอร์พูล: ทุ่มซื้อตัวครั้งใหญ่ เสริมเกมรุกด้วย เจเรมี ฟรีมปง (แนวรุกจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น, 29.5 ล้านปอนด์) และ จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลิ (ผู้รักษาประตูจาก บาเลนเซีย, 29 ล้านปอนด์) ขณะที่เสียผู้เล่นคนสำคัญ ได้แก่ แทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ย้ายไป เรอัล มาดริด (ค่าตัว 10 ล้านปอนด์) และโควาฮีน เคลเลเฮอร์ ย้ายไป เบรนท์ฟอร์ด (18 ล้านปอนด์) การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้แชมป์เก่าต้องปรับแนวรับกึ่งรุกใหม่ แม้การได้ ฟรีมปง มาเสริมเกมรุกจะช่วยเพิ่มอาวุธให้แนวรุก แต่การขาด อาร์โนลด์ ซึ่งเป็นแกนหลักในแนวรับฝั่งขวา ถือเป็นจิ๊กซอว์ใหญ่ที่ต้องหาทางทดแทน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้: ยังไม่มีการเซ็นผู้เล่นใหม่รุนแรงเข้าทีม โดยปล่อย เควิน เดอ บรอยน์ (ไอคอนกองกลาง) ออกจากทีมแบบปล่อยตัวฟรี (หลังหมดสัญญา) และปล่อยดาวรุ่งจากทีมเยาวชนอย่าง เจค็อบ ไรท์ ให้ นอริช ซิตี้ (ข้อมูล undisclosed) การปล่อย เดอ บรอยน์ ออกจากทีมถือเป็นการเปลี่ยนยุคใหญ่ และทำให้ เรือใบสีฟ้าต้องหากองกลางตัวใหม่มาทดแทนความคิดสร้างสรรค์ของทีมในอนาคต
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: แต่งตั้ง รูเบน อามอริม เป็นโค้ชใหม่ และเสริมทีมนักเตะแกนหลัก ด้วยการซื้อ แมตเทอุส คูญา ปีกตัวความเร็วสูงจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน (62.5 ล้านปอนด์) ขณะเดียวกันปล่อย 3 แข้งตัวเก๋าในแนวรับ ได้แก่ คริสเตียน อีริคเซ่น, จอนนี่ เอวานส์ และวิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ออกจากทีม (ทั้งหมดสิ้นสุดสัญญา) คูญา จะเข้ามาเพิ่มมิติความเร็วให้เกมรุก ยูไนเต็ด ส่วนการปล่อยกองหลังชุดเก่าออกไปแสดงถึงการรีเซ็ตแนวรับของ อามอริม เพื่อหาคู่แข่งในอนาคต
นิวคาสเซิ่ล: คว้า อันโตนิโอ คอร์เดโร กองหลังจาก มาลาก้า (ย้ายฟรี)เข้ามาเสริมแนวรับ ขณะที่ยังไม่มีผู้เล่นออกจากทีม (ยังไม่มีรายชื่อผู้เล่นออก) เดอะ แม็กพายส์ เสริมแนวรับแต่ยังต้องติดตามว่าจะมีการซื้อขายเพิ่มในช่วงที่เหลือของตลาดหรือไม่
น็อตติงแฮม ฟอเรสต์: ยังไม่มีการเสริมทัพรายใหม่ ขณะที่ปล่อย แจ็ค เพอร์กินส์ นักเตะดาวรุ่งให้ นอร์ทแธมป์ตัน ฟอเรสต์เน้นรักษาขุมกำลังหลักเดิมในช่วงต้นตลาด ก่อนประเมินความต้องการเมื่อทีมกลับมาซ้อมพรีซีซั่น
ซันเดอร์แลนด์: ทีมเลื่อนชั้นใหม่จากแชมเปี้ยนชิพ เสริมทีมด้วย เอนโซ เลอ เฟ (กองกลางจาก อาแอส โรม่า, 20 ล้านปอนด์) ขณะที่ขาย ทอมมี่ วัตสัน (กองหน้า) ให้ ไบรท์ตัน (11 ล้านปอนด์) ทีมโค้ช ไมเคิ่ล บีล ลงทุนเสริมกองกลางมาตรฐานสูงเพื่อรับมือกับระดับพรีเมียร์ลีก
ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์: เสริมทัพแนวรับด้วย เควิน ดานโซ (กองหลังจาก แรนส์, 20.9 ล้านปอนด์) และ ลูคา วูสโควิช (กองหลังจาก ฮายดุ๊ก สปลิท) ฝั่งปล่อยแข้งเก่า ได้แก่ ติโม แวร์เนอร์ (สิ้นสุดยืมตัวที่ แอร์เบ ไลป์ซิก), ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก (ขายไป มาร์กเซย 17 ล้านปอนด์) และปล่อย เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์, เซร์คิโอ เรกีลอน, อัลฟี่ ไวท์แมน หลุดทีม (released) ทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ พยายามยกเครื่องแนวรับให้แข็งแกร่งขึ้น ขณะเดียวกันมีการปล่อยผู้เล่นส่วนเกินออกไปเพื่อปรับสมดุลทีม
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด: เสริมแนวรับด้วย ฌอง-แคลร์ โตดิโบ (เซนเตอร์แบ็กจาก นีซ) ในทางกลับกันปล่อยนักเตะระดับทีมชาติอังกฤษอย่าง อารอน เครสส์เวลล์, ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี้, วลาดิเมียร์ คูฟาล และ แดนนี่ อิงส์ ออกจากทีมทั้งหมด (released) ทีมของ เดวิด มอยส์ ปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ในหลังบ้านโดยเน้นเสริมผู้เล่นรุ่นใหม่ และไม่ต่อสัญญากับนักเตะที่อายุมากเพื่อเตรียมป้องกันตัว
วูล์ฟแฮมป์ตัน: ยังไม่มีแข้งใหม่เข้าทีม ขณะที่ขาย แมตเทอุส คูญา (ปีกจอมสปีด) ให้ แมนฯยูไนเต็ด (62.5 ล้านปอนด์)skysports.com และปล่อย ปาโบล ซาราเบีย ออกจากทีม (released) การสูญเสีย คูญา ครั้งนี้ถือเป็นการขาดกำลังหลักแนวรุกไปอย่างมาก ทำให้ทีมต้องหาตัวแทนเชิงรุกในช่วงตลาดที่เหลือ
รายการข้างต้นเป็นสรุปสถานการณ์การซื้อขายล่าสุดของแต่ละสโมสรพรีเมียร์ลีกที่รวบรวมได้จนถึงปัจจุบัน ทั้งการเซ็นสัญญาใหม่ การปล่อยผู้เล่นออก และความพร้อมสำหรับพรีซีซั่น ก่อนที่จะเปิดฤดูกาล 2025/26 กลางเดือนสิงหาคมนี้
สรุป
รายการข้างต้นเป็นสรุปสถานการณ์การซื้อขายล่าสุดของแต่ละสโมสรพรีเมียร์ลีกที่รวบรวมได้จนถึงปัจจุบัน ทั้งการเซ็นสัญญาใหม่ การปล่อยผู้เล่นออก และความพร้อมสำหรับพรีซีซั่น ก่อนที่จะเปิดฤดูกาล 2025/26 กลางเดือนสิงหาคมนี้
More Stories
โค้ชวังยิ้ม ไทย U23 ไล่ถลุงมองโกเลีย 6-0 เปิดหัวคัดเอเชียอย่างเร้าใจ
พรีเมียร์ลีกคึกคัก เปิดโพยดีลวันสุดท้าย ใครเสริมโหด ใครวืดน่าเศร้า
จากความหวังสู่ความห่วง ทำไมแมนฯ ยูไนเต็ด ยังหาฟอร์มไม่เจอในฤดูกาลใหม่